<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ราคาของ Bitcoin อาจพุ่งขึ้นสูงถึง $2000 ในเดือนมกราคมที่จะถึง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ธนาคาร Saxo ได้ออกมาให้คำทำนายที่ค่อนข้างจะสุดลิ่มทิ่มประตู โดยอ้างถึงเหตุผลในครั้งนี้ว่าการใช้จ่ายงบประมาณของนายโดนัล ทรัมป์ สามารถที่จะเป็นเชื้อเพลงในการผลักดันราคาของบิทคอยน์ให้ทะยานขึ้นสูงไปแตะเพดานที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 บิทคอยน์ (ราวๆ 71,000 บาท) รวมถึงการขึ้นราคาของเงินดอลลาร์อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดโลกเริ่มมองหาตัวเลือกการใช้จ่ายอื่นๆ

หลายๆคนเริ่มออกมาทำนายผลกระทบที่จะเกิดขึ้นถึงแผนการการใช้จ่ายงบประมาณของโดนัล ทรัมป์ที่อาจจะส่งผลให้หนี้ของประเทศสูงถึง 20 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอาจจะกระทบงบประมาณของรัฐที่อาจจะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าจาก 600 ล้าน เป็น 1.2-1.8 ล้านๆดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 6-10% ของเศรษฐกิจรวมของสหรัฐอเมริกาที่ 18.6 ล้านๆดอลลาร์

นี่อาจส่งผลให้เกิดสภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรงและอาจบีบให้ทาง Federal Reserve ต้องเพิ่มอัตราดอกเบี้ยและทำการรัดเข็มขัด ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบไปสู่ตลาดที่เพิ่งเปิดใหม่ และประชาชนทั่วโลกอาจจะต้องมองหาตัวเลือกการใช้จ่ายใหม่ที่ไม่ผูกติดกับธนาคารกลาง

ทางรายงานบอกว่า

“ถ้าระบบธนาคารทั่วโลกหรือประเทศจีนและรัสเซียเริ่มหันมารับบิทคอยน์ควบคู่ไปกับ ค่าเงินดอลลาร์รวมถึงระบบการเงินแบบเก่า นั่นอาจจะทำให้เราได้เห็นราคาของบิทคอยน์พุ่งสูงขึ้นเป็นสามเท่าในปีหน้า จากราคา 700 ดอลลาร์ เป็น 2100 ดอลลาร์ก็เป็นได้ โดยสืบเนื่องมาจากธรรมชาติของบิทคอยน์ที่ใช้ใช้เทคโนโลยีแบบการกระจาย และการส่งเงินทั่วโลกที่มีค่าธรรมเนียมแบบต่ำมาก”

จีนเติบโตเกินกว่าที่คาดเดาไว้

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ทางจีนได้จำกัดการนำเจ้าทองเพื่อป้องกันไม่ให้เงินไหลออกนอกประเทศ โดยทางจีนยังวางแผนที่จะร่างกฏหมายเกี่ยวกับการนำเข้าทองอีกด้วย

จากปัจจัยของความสัมพันธ์กันระหว่างค่าเงินหยวนกับบิทคอยน์ โวลลุ่มการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จีนอาจจะส่งผลกระทบต่อราคาบิทคอยน์ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลจีนกำลังพยายามหาวิธีแกไขปัญหาการอ่อนค่าของเงินหยวน ซึ่งลดลงถึง 5.8 เปอเซนต์ในปีนี้

ธนาคาร Saxo ยังเผยอีกว่าจีนจะเติบโตขึ้นเกินกว่าที่คาดเดาไว้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยยังบอกอีกด้วยว่าการที่เศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงโตช้าช่วงนี้เป็นสิ่งที่เคยทำนายไว้แล้วว่าเกิดจากการที่มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนโดยคิดเป็นแค่ 50% ของ GDP ในขณะที่หนี้ทั้งหมดคิดเป็นถึง 237% ของ GDP

การอัดฉีดจากนโยบายทางการเงินของรัฐบาลจีน บวกกับการเพิ่มงบประมาณเข้าไปในตลาดที่มากขึ้นส่งผลให้จีนมีอัตราการเจริญเติบโตทางด้านการบริโภคสูงขึ้นเกินกว่าที่ทางธนาคาร Saxo ได้คาดการณ์ไว้ โดยตัวเลขอาจพุ่งถึง 8% ในปีหน้า

จำคิม ดอทคอมได้ไหม

วันที่โดนัล ทรัมป์จะเริ่มดำรงตำแหน่งประฐานาธิบดีคนใหม่จะถูกคอนเฟิมอีกทีในเดือนมกราคมที่ตะถึงนี้ โดยเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่นายคิม ดอทคอมจะเปิดตัวโปรดักใหม่ที่มีชื่อว่า Megaupload 2.0

ทาง Saxo ได้ทำนายถึงราคาของบิทคอยน์ที่จะเพิ่มขึ้นสามเท่าตัว (ซึ่งนใขณะนี้อยู่ที่ราวๆ 760 ดอลลาร์ต่อ 1 บิทคอยน์) ซึ่งตรงกับที่นายคิม ดอทคอมเคยทำนายไว้ว่าการมาของ Megaupload และโปรดักกระเป๋าเงินบิทคอยน์ใหม่ของพวกเขาที่ชื่อว่า Bitcache สามารถที่จะดึงราคาของทคอยน์ให้สูงถึง 2000 ดอลลาร์ต่อเหรียญได้ โดยอ้างอิงจากคำกล่าวอ้างของทีมงาน Megaupload ว่าโปรดักใหม่ของพวกเขาจะสามารถแก้ปัญหา ”การขยายขนาด” ได้

โดยบริการใหม่ที่ว่านี้ จะเป็นการรวมเอาระบบ Cloud sharing, ระบบป้องกันการแอบฟัง/ดู, ฝากไฟล์วีดีโอ, และบริการ bitcoin caching แบบออนไลน์มาไว้ด้วยกัน โดยอ้างว่าสามารถที่จะให้บริการผู้คนได้ในจำนวนที่เทียบเท่ากับประชากรของประเทศฟิลิปปินส์ (ราวๆ 103 ล้านคน) โดยจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้

อินเดียเตรียมพร้อมที่จะรับ Bitcoin แล้ว

ราคาของบิทคอยน์เพิ่มขึ้นหลังจากที่ประเทศอินเดียประกาศยกเลิกใช้ธันบัตร 500 และ 1000 รูปี รวมถึงข่าวที่ตามมาอีกว่าทางรัฐบาลอินเดียอาจจะแบนการนำเข้าทอง หลังจากที่ราคาของทองพุ่งทะยานขึ้นสูงสุดในรอบสองปีเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งสองสิ่งนี้ผนวกกับการตื่นตัวและเริ่มศึกษาค้นคว้าในเรื่องบิทคอยน์ของรัฐบาลอินเดียที่จะแล้วเสร็จก่อนปี 2561 อาจจะส่งผลให้ราคาวิ่งไปถึงจุดที่ทำนายไว้

ในหน้าเว็บไซต์ Payment and Settlement Systems in India: Vision-2018 ของธนาคารกลางอินเดียได้บ่งชี้ว่าทางธนาคารกลางอินเดียจะทำการเฝ้าดูระบบเค้าโครงสำหรับเทคโนโลยี/นวัตกรรมใหม่ เพื่อที่จะ “ให้แน่ใจว่ากฏหมายสามารถที่จะอยู่ในระดับเดียวกับเทคโนโลยีได้โดยให้ส่งผลกระทบกับการชำระเงิน, การพัฒนาในระดับโลกเช่นเทคโนโลยี blockchain และอื่นๆ จะต้องถูกทำการเฝ้าดูและขึ้นทะเบียนอย่างถูกกฏหมายตามที่เห็นสมควร”

สิ่งนี้จะทำให้ระบบการใช้จ่ายในประเทศมีสเถียรภาพมากขึ้น เทคโนโลยีดังกล่าวนั้นเติบโตไวมาก ทางธนาคารกล่าว

ทาง Zebpay ได้ให้สัมภาษณ์กับ Coin Telegraph ว่าการพูดคุยเกี่ยวกับบิทคอยน์ตอนนี้ยังไงก็ต้องมีคำว่าอินเดียมาเกี่ยวข้อง เพราะบิทคอยน์ในอินเดียตอนนี้ถือเป็นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกสำหรับยุคที่คนจะเลิกถือเงิน โดยเฉพาะคนอินเดียนับนับพันล้านคนที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่พวกเขาสามารถเดินไปจับจ่ายใช้สอยได้โดยไม่ต้องพกเงินสดแม้แต่รูปีเดียว

ทาง Zebpay กล่าวว่า “เราได้หลุดออกมาจากยุคใช้สายมาสู่ยุคมือถือสมาร์ทโฟนเต็มตัวแล้ว และอินเดียก็เช่นกันที่หลุดออกมาจากยุคเงินพลาสติกมาสู่ยุคเงินแห่งเทคโนโลยีแล้ว

นายโมหิด คาลรา CEO ของบริษัท Coinsecure มีทัศนคติเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้บิทคอยน์ของชาวอินเดียในปีที่จะถึงนี้เป็นบวก

โดยกล่าวว่า

“ในทางด้านการใช้งาน เราหวังว่าจะได้เห็นผู้ประกอบการร้านค้าในอินเดียรับบิทคอยน์กันมากขึ้น การประกาศยกเลิกธนบัตรจะสามารถช่วยเพิ่มอัตราการใช้งานในหมู่พ่อค้า, ธุรกิจและคนทั่วไปได้เป็นอย่างดี!”

รูปภาพจาก Fortunedotcom

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น