<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถที่จะลดต้นทุนผลิตน้ำมันได้ถึง 30%

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทสัญชาติสวิสเซอแลนด์นามว่า Merculia หรือหนึ่งในนักเทรดสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของโลกได้เล็งเห็นถึงการนำเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนมาปรับใช้กับอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันและแก๊สที่อาจจะมีขึ้นในปีนี้

โดยผู้บริหารระดับสูงผู้นี้เพิ่งจะขึ้นพูดที่การประชุม Reuters Commodities Summit เมื่อประมาณปีที่แล้ว และได้เผยให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมที่ว่านี้ในอนาคต หากนำมาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยี บล็อกเชน รายงานจากรอยเตอร์

โดยเขามองว่าขั้นตอนการทำงานภายในองค์กรผู้ผลิตน้ำมันส่วนใหญ่ยังใช้ระบบการจดบนกระดาษกันอยู่ และใช้เวลานานถึง 2-3 วันในการส่งข้อมูลหากัน และต้องมีการรับรองข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยยืนยันในทุกๆการซื้อขายอีกด้วย ซึ่งการนำเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนมาประยุกต์ใช้จะช่วยขจัดความล่าช้าและยุงยากเหล่านี้ออกไป โดยในปัจจุบันมีตัวอย่างในการนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวนี้มาใช้ในวงการการเงินและการซื้อขายในระดับโลกค่อนข้างเยอะพอสมควร

นาย Marco Dunand ผู้บริหารระดับสูงของ Mercuria กล่าวว่า

“ผมได้เห็นพรีเซนเทชั่นจากธนาคารมาพอสมควรแล้ว และผมคิดว่าเทคโคโนโลยีนี้มันคือของจริง และผมยังเชื่ออีกว่าเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านดิจิตอลครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊ส”

ในฐานะที่เป็นผู้นำทางด้านการเทรดสินค้าทั่วไป บริษัท Merculia ได้ทำการเทรดทั้งตลาดที่มีการซื้อขายน้ำมันแบบจริงๆ (ส่งสินค้าเป็นน้ำมันจริง) และการเทรดที่ใช้ระบบตราสารอนุพันธ์ที่มีทั้งฟิวเจอร์และออปชั่น

สินค้าการเกษตรสามารถที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีบล็อกเชนได้ดีที่สุด

นาย Marco ได้ยกตัวอย่างถึงการนำเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนมาประยุกต์ใช้กับน้ำมันดิบ brent (หรือเป็นตัว benchmark ของราคาน้ำมันดิบทั่วโลก) ในอนาคตอันใกล้นี้

“BFOE [Brent, Fortis, Ekofisk และ Oseberg หรือน้ำมันดิบทั้งสี่ประเภท] คือตลาดซื้อขายน้ำมันดิบที่มีผู้เข้าซื้อน้อย แต่มีแต่รายใหญ่ๆ และยังต้องการการจดบันทึกการซื้อขายที่แม่นยำและรัดกุม ซึ่งเทคโนโลยีบล็อกเชนก็สามารถที่จะตอบโจทย์นี้ได้ โดยนาย Marco ได้กล่าวว่า “คุณจะได้เห็นตลาดน้ำมันดิบเหล่านี้เริ่มนำเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนมาปรับใช้ภายใน 1 ปี”

เขายังเสริมอีกว่า

“เราคิดว่าเทคโนโลยีนี้จะสามารถช่วยลดต้นทุนการใช้จ่ายได้ถึง 30 เปอร์เซน”

อย่างไรก็ตาม นาย Marco กล่าวว่าการปฏิวัติทางเทคโนโลยีนั้น ถ้าอยากจะมีให้เกิดขึ้นจริง ผู้ที่เกี่ยวข้องควรที่จะเข้ามาร่วมกันเพื่อปรึกษาหารือถึงการทดลองและบังคับใช้ โดยชี้ถึงการปรับตัวพัฒนาของตลาดพลังงานว่าตอนนี้เป็นไปได้ช้า แถมยังเลือกที่จะยึดติดอยู่กับวิธีการแบบเดิมๆ

“สำหรับเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ว่านี้ ถ้าอยากให้มันเป็นจริงขึ้นมาละก็ ควรที่จะต้องมีผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยกันทำ” กล่าวโดยนาย Marco “โดยนั่นเป็นปัจจัยเดียวที่จะมาทำให้การประยุกต์ใช้ระบบบล็อกเชนช้าลง”

เทคโนโลยีบล็อกเชนนั้นได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับตลาดสินค้าทั่วไปและสถาบันการเงินแล้ว โดยก่อนหน้านี้มีการซื้อขายชีสและเนยที่ส่งออกโดยประเทศไอซ์แลนด์ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน

ภาพจาก Daniels Trading และ DIY Trade

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น