<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

อุตสาหกรรม 4 ประเภทที่กำลังได้รับผลกระทบจากบิทคอย

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

จากการที่ราคาของบิทคอยทะลุผ่าน 1,000 ดอลลาร์เป็นครั้งที่สอง ตอนนี้เราไม่สามารถคาดการณ์ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่สิ่งที่เรารู้กันดีอยู่ตอนนี้คือบิทคอยนั้นสเถียรกว่าเศรษฐกิจในหลายๆประเทศ และมีตัวตนอยู่เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับมวลมนุษย์

ในปี 2017 นี้ เราเริ่มได้เห็นกันแล้วว่าบิทคอยจะเป็นสกุลเงินที่จะเข้ามาส่งผลกระทบต่อหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง แต่เราลองมาดูกันก่อนว่าตอนนี้มีภาคอุตสาหกรรมไหนบ้างที่เริ่มจะหันมากลัวบิทคอยแล้ว

ธนาคารและสถาบันการเงิน

เราจะเริ่มจากจุดที่เห็นกันอย่างชัดๆอย่างแรกซึ่งก็คือธนาคาร บิทคอยได้สร้างผลกระทบให้กับสถาบันการเงินและธนาคารต่างๆด้วยการที่ผู้คนสามารถจะโอนเงินหากันได้โดยไม่ต้องผ่านศูนย์กลางของรัฐบาล

โดยแทนที่จะต้องใช้บัญชีธนาคารนั้น ผู้คนสามารถเลือกที่จะส่งหรือรับบิทคอยจากมือถือของพวกเขาได้ ในตอนที่บิทคอยมาใหม่ๆนั้น ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินได้ออกมาประกาศว่า cryptocurrency คืออุปสรรคของรัฐบาล แต่ทัศนคติของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ในตอนนี้แม้แต่ธนาคารใหญ่ๆอย่าง Citi ก็ยังหันมาเริ่มสนใจบิทคอย พร้อมกับบอกว่ามันจะนำพานวัตกรรมอื่นมาหาเราในอนาคต

มากกว่า 1 ปีกับอีกครึ่งที่ผ่านมา มีสถาบันการเงินใหญ่ๆทั่วโลกอย่าง MasterCard, BNP Paribas, Visa และ JP Morgan ที่ได้เริ่มออกมาลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี บล็อกเชน โดยผู้เชี่ยวชาญบางคนออกมากล่าวว่าบิทคอยจะสามารถช่วยประหยัดเงินให้กับธนาคารและสถาบันการเงินได้ราวๆ 20 ล้านดอลลาร์ด้วยการกำจัดตัวกลางที่ไม่จำเป็นออกไป

บริษัทธนาคารใหญ่ๆเหล่านี้เริ่มจะตระหนักถึงการที่บิทคอยเริ่มเข้าไปมีผลกระทบในตลาดการเงินที่ผู้คนไม่มีบัญชีธนาคารใช้ แต่มีโทรศัพท์มือถือเพื่อโอนเงินหากัน

การกุศล

นักเคลื่อนไหวทางด้านมนุษยธรรมในหลายๆประเทศนั้นที่เศรษฐกิจและการเงินล้มเหลวนั้นเพิ่งจะรู้ว่าบิทคอยคือทางออกที่ดีที่สุด

โดย ณ ตอนนี้มีองค์กรการกุศลหลายๆองค์กรอย่าง Human Rights Foundation, American Red Cross, Electronic Frontier Foundation และ United Way เริ่มออกมารับบิทคอยเป็นช่องทางในการบริจาคแล้ว

ความกลัวของผู้คนในตัวของบิทคอยได้กลายเป็นตัวเพิ่มพลังให้กับประเทศที่มีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจเนื่องจากบิทคอยนั้นไม่สามารถมีใครมาควบคุมหรือเป็นเจ้าของได้แม้แต่รัฐบาล หากกล่าวถึงบิทคอยในทางด้านความสเถียรแล้วนั้น ในตอนนี้บิทคอยมีความสถียรมากกว่าค่าเงินในบางประเทศอย่างเช่นเวเนซุเอล่าเสียอีก แถมผู้คนยังสามารถใช้ซื้อสินค้าออนไลน์แทนเงินสดได้อย่างเช่น Amazon กิฟท์การ์ด และอาหาร

การเลือกใช้บิทคอยจะทำให้เกิดสถานการณ์แบบวินวินอีกด้วย เพราะพวกเขาสามารถที่จะเลือกรับเงินจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กวัยรุ่นได้ ในขณะที่ผู้ที่รับเงินบริจาคในอีกประเทศหนึ่งไปก็จะไม่ต้องมานั่งปวดหัวเรื่องธนาคารที่จะคอยมาชาร์จอัตราแลกเปลี่ยนที่แสนแพง

การใช้ cryptocurrency ในการบริจาคยังสามารถที่จะทำให้ผู้บริจาคอยู่ในสถานะไร้ตัวตนได้ถ้าหากผู้บริจาคต้องการ เมื่อปีที่แล้วองค์กร The Water Promise (องค์กรไม่แสวงผลประโยชน์ที่ทำงานด้านการช่วยเหลือผู้คนให้เข้าถึงแหล่งน้ำ) ได้รับเงินบริจาคจากบุคคลลึกลับในกลุ่ม Reddit เป็นบิทคอยโดยมีมูลค่าถึง 23,000 ดอลลาร์ โดยองค์กรดังกล่าวยังได้ระบบอีกด้วยว่ามีผู้คนอีกหลายๆคนที่บริจาคมาเป็นบิทคอยในอีกหลายๆโครงการในช่วงสองปีที่ผ่านมา

ดนตรี

บริษัทสตาร์ทอัพบล็อกเชนเริ่มที่จะส่งผลกระทบต่อวงการดนตรีที่มีมูลค่ารวมแล้วถึง 15 พันล้านดอลลาร์ โดยเมื่อปีที่แล้วเราได้เห็นการผุดขึ้นมาของบริษัทหน้าใหม่อย่าง Ujo Music และ Stem ซึ่งทำให้การจ่ายเงินปันผลให้ศิลปินเป็นเรื่องง่าย เพราะทางแฟนเพลงพวกเขาสามารถที่จะจ่ายเงินให้กับศิลปินโดยตรงได้ทันทีที่ทางศิลปินอัพโหลดเพลงของพวกเขาขึ้นไปที่แพลตฟอร์มอย่าง YouTube, Spotify และผู้ให้บริการทางด้านการสตรีมเพลงอื่นๆ

การใช้โมเดลการซื้อขายของบิทคอยมาเป็นต้นแบบนั้น ทางแฟนเพลงสามารถที่จะจ่ายเงินให้กับศิลปินได้โดยตรงแบบที่ไม่จำเป็นต้องมีค่ายเพลงมาเป็นศูนย์กลางเพื่อขูดรีดส่วนแบ่งออกไป

โดยแทนที่จะให้คนอื่นมาควบคุมนั้น มีเหล่าศิลปินในปัจจุบันเป็นจำนวนมากที่กำลังบริหารและจัดการตัวเองและทำการตลาดเอง แถมยังสามารถรับรายรับแบบ P2P ได้อีกต่างหาก การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถที่จะทำให้ศิลปินสามารถที่จะควบคุมรายรับของพวกเขาได้ โดยสืบเนื่องมาจากการที่ศิลปินในปัจจุบันต้องการที่จะได้รับเงินเร็วและยุติธรรมจากผลงานของพวกเขา ซึ่งในปัจจุบันบริษัทสตาร์ทอัพส่วนใหญ่กำลังพยายามสร้างแพลตฟอร์มที่ว่านี้ขึ้นมาอยู่

บริษัท Stem มีเครื่องมือที่สามารถอำนวยความสะดวกให้ศิลปินในการทำงานทางด้านการวางแผน, การแจกจำหน่าย และการทำเงิน แม้แต่ Mark Cuban ก็ยังเป็นแฟนคลับ (และผู้ลงทุน) ในแพลตฟอร์มนี้ ส่วนในระบบของ Ujo Music นั้น ทางศิลปินสามารถที่จะสร้างกระเป๋าเหรียญ Ethereum เพื่อให้แฟนเพลงของพวกเขาจ่ายเงินซื้อเพลงด้วยเหรียญ cryptocurrency ดังกล่าวได้อีกด้วย

ยังมีบริษัทสตาร์ทอัพอื่นๆอย่าง Kashcoin และ PeerTracks ที่กำลังใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อช่วยให้ศิลปินขายเพลงได้มากขึ้นด้วยระบบการใช้จ่ายแบบ P2P

โดยสาเหตุหลักๆของการก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพเหล่านี้ขึ้นมาก็เพื่อขจัดตัวกลางอย่างค่ายเพลงที่ชอบขูดเลือดเนื้อของศิลปินนั่นเอง

การพนัน

ด้วยบิทคอย คุณสามารถที่จะไปเล่นพนันที่คาสิโนหรูๆระดับโลกโดยไม่ต้องก้าวขาออกจากบ้านแม้แต่น้อย

โดยคาสิโนบิทคอยนั้นได้ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ในแบบที่ Caesar’s Palace ไม่สามารถทำได้มาก่อน เพราะระบบของพวกเขาสามารถที่จะทำให้นักพนันได้สัมผัสกับการพนันแบบออนไลน์ที่สมจริงและได้เงินจริง

หากพูดถึงหนึ่งในเกมออนไลน์คาสิโนที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้คงหนีไม่พ้น Dragon’s Tale ซึ่งเป็นเกมแนว RPG ที่ให้ผู้เล่นใช้บิทคอยแทนชิพเหรียญพนัน ในปี 2013 นั้นมีรายงานออกมาบอกว่ามากกว่าครึ่งของการใช้จ่ายบิทคอยบนบล็อกเชนนั้นถูกใช้ไปเพื่อการพนัน โดยก่อนหน้านี้มีเว็บไซต์คาสิโนโดยใช้บิทคอยที่เป็นที่นิยมมากนามว่า SatoshiDice ที่มีนักพนันเข้ามาวางเงินเดิมพันถึง 12,400 ครั้งต่อวันเมื่อปี 2013 และภายในสามปีแรกของการเปิดให้บริการของ Dragon’s Tale นั้นมีผู้เล่นหลายคนทำแจคพอทแตกได้รับรางวัลไปแล้วกว่า 406,000 บิทคอย (หรือราวๆ 44 ล้านดอลลาร์)

ในอนาคตที่จะมาถึง เราคาดว่าวงการคาสิโนอาจจะได้รับผลกระทบจากบิทคอยแรงกว่านี้ก็เป็นได้

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น