<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

OneCoin นั้นไม่ได้ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนแต่ใช้ SQL ในการจัดการแทน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นาย Bjorn Bjercke หรือนักเคลื่อนไหวทางด้าน cryptocurrency หรือนักพัฒนาบล็อกเชนได้เผยให้เห็นเมื่อไม่นานมานี้ว่าเมื่อตอนที่ OneCoin มาทาบทามเขาให้ไปเป็น CTO (ด้วยรายได้ต่อปีราวๆ 2.5 ล้านดอลลาร์)นั้น เขาได้รู้ตัวว่า OneCoin ไม่มีเทคโนโลยีบล็อกเชนแม้แต่น้อย

เหรียญ altcoin ตัวนี้ได้กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนต่างก็รู้กันดีว่ามันหลอกลวง ไม่มีบล็อกเชนที่สามารถตรวจสอบได้หรือระบบกระเป๋าที่ผู้คนสามารถใช้แบบออฟไลน์ได้ ซึ่งระบบการจัดการของมันนั้นก็ไม่ต่างจากระบบของ Fed (ธนาคารกลาง) ที่ความไว้ใจทั้งหมดจะต้องถูกฝากให้กับผู้ออกเหรียญตัวนี้ และอ้างอิงจากนาย Bjorn ผู้ที่ไม่สามารถให้รายละเอียดไปได้มากกว่านี้ เนื่องจากว่าเขากำลังช่วยเหลือทางตำรวจในการสืบสวน OneCoin อยู่นั้น เขาได้กล่าวว่า OneCoin ไม่ใช่เหรียญ cryptocurrency เลยแม้แต่น้อย

การจะเรียกสกุลเงินดิจิตอลว่าเป็นเหรียญ cryptocurrency นั้นมันจะต้องมีความต้องการขั้นพื้นฐานดังนี้ อย่างแรกคือเหรียญตัวนั้นจะต้องสามารถสร้างระบบเข้ารหัสและถอดรหัสคริปโตได้ (cryptographic algorigthm) อย่างเช่นบิทคอยที่ใช้ระบบ SHA 256, Litecoin ที่ใช้ Scrypt และเหรียญบางตัวใช้ Skein ในขณะที่เหรียญอื่นๆอย่าง Dash และเหรียญประเภท X-series ใช้ระบบหลายๆระบบรวมกัน นี่เป็นสิ่งสำคัญมากทางด้านความปลอดภัย

นาย Bjorn กล่าวว่า OneCoin ใช้ภาษา SQL ในการสร้างเหรียญเพิ่ม โดยเขาคาดเดาจากการที่ OneCoin ไม่ได้ใช้ระบบบล็อกเชนในการสร้างค่าเงินใหม่ โดยหน้าที่ในการเป็น CTO ของเขาในตอนแรกควรที่จะดูแลและจัดการระบบบล็อกเชน แต่มันกลายเป็นการออกเหรียญ, อายัดเหรียญ, และโอนเหรียญคืน (reverse transaction) แทน

ต่อมาคือ เหรียญ cryptocurrency นั้นจะต้องมีความเป็นสาธารณะ ผู้คนสามารถเข้าถึงและตรวจสอบได้ อย่างเช่นกรณีของบิทคอยที่ผู้คนไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่ Bitcoin.org เพื่อตรวจสอบจำนวนเงินที่เหลืออยู่ของพวกเขา แต่ในกรณีของ OneCoin นั้น หากคุณต้องการซื้อเหรียญที่ว่า คุณจะตเองสมัครสมาชิกและล็อกอินผ่านหน้าเว็บ โดย OneCoin นั้นอ้างว่าค่าเงินของพวกเขาไร้ความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อ ซึ่งมันก็เป็นที่เห็นๆกันอยู่ว่าถ้าพวกเขามีอำนาจในการอายัดเหรียญ นั่นก็แปลว่าพวกเจามีอำนาจในการสร้างเหรียญใหม่เข้าไปในระบบด้วยตัวเองเช่นกัน อ้างอิงจากวีดีโอด้านล่างนี้ ผู้ใช้งานสามารถใช้เว็บ OneCoin ในการซื้อและขายเหรียญ cryptocurrency อื่นๆได้

สิ่งนี้อาจทำให้นึกถึงกรณีการหลอกลวงของ Hashlet โดย Josh Garza เมื่อสองสามปีที่แล้ว โดยผู้คนนั้นต่างก็ต้องการที่จะเข้ามาลงทุนโดยบริจาคบิทคอยราวๆพันกว่าบิทคอยเพื่อหวังจะได้บิทคอยกลับคืนมา โดยผู้ใช้งานสามารถที่จะโอนเหรียญ Hashlet ไปให้ผู้อื่น แต่หลังจากนั้นก็มีคนออกมาเปิดโปงว่าบริการที่ว่านี้คือแชร์ลูกโซ่ หลังจากนั้นนาย Josh ก็ทำการปิดเว็บไซต์ และหอบบิทคอยทั้งหมดหายวับไป

กฏหมายเกี่ยวกับบิทคอยนั้นยังเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะไม่ลงตัวเท่าไรนัก ลองนึกดูง่ายๆหากคุณไม่จ่ายภาษีให้กับรัฐบาล คุณก็จะมีความผิดตามกฏหมาย แต่ถ้าหากคุณมีบิทคอยไว้ในครอบครองแต่ไม่มีคนรู็ว่าเท่าไร และคุณก็เลือกที่จะไม่สำแดงจำนวนบิทคอยให้รัฐบาลรับรู้ นั่นแปลว่าคุณกำลังรองรับความเสี่ยงทั้งหมดด้วยตัวคุณเอง

สรุปคือตอนนี้เรารู้แล้วว่า OneCoin อ้างว่า “บล็อก” ใหม่ๆของเหรียญของพวกเขานั้นจะถูกขุดขึ้นมาทุกๆ 10 นาที ดังนั้นเราจึงสามารถที่จะคาดเดาได้ว่าพวกเขาใช้สคริปอัตโนมัติในการสร้างเหรียญใหม่ๆขึ้นมา หากลองนึกดูให้ดีแล้ว มันมีอีกหลายพันวิธีในการทำเงินกับเหรียญ cryptocurrency ซึ่ง OneCoin นั้นเป็นตัวอย่างทางด้านการหลอกลวงที่เห็นได้อย่างชัดเจน