<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เจาะลึกรายละเอียด : บัตรเดบิต Crypto ของ Bitazza มีดียังไง และทำยังไงถึงจะได้มาครอบครอง ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บัตรเดบิตคริปโต Visa ‘Freedom Card’ กำลังใกล้ให้ผู้ใช้บริการได้สัมผัสถึงอิสระการใช้เงินขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งจะตอบโจทย์การใช้ชีวิตรอบด้านสำหรับนักเทรดชาวไทย ทั้งนี้สำหรับคนต้องการเป็นเจ้าของบัตรเดบิตคริปโต Visa ‘Freedom Card’ นั้น จะมีเงื่อนไขอะไรบ้าง ในบทความนี้เราจะพาไปเจาะลึกรายละเอียดกัน

ตามประกาศจากเว็ปไซต์ Bitazza ในช่วงระหว่างวันที่ 19 เมษายน – 19 พฤษภาคม ที่ทางเว็ปไซต์ของ Bitazza ได้ประกาศให้ร่วมลงทะเบียนเพื่อรับบัตรตามเวลาที่กำหนดไปนั้นคุณดีดี้ วิมลพรรณ วิบูลย์มา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสาร ของ Bitazza ได้กล่าวเปิดเผยถึงรายละเอียดในส่วนนี้ว่า

ทาง Bitazza จะทำการเรื่องบัตรตามคิว สำหรับผู้ใช้งานหลายท่านได้เข้ามามีส่วนร่วมในการลงทะเบียนบัตรเป็นอันดับแรก ซึ่งในตรงนี้เราจะมีกิจกรรม Friend Referal โดยคนที่มีการเข้าร่วมลงทะเบียนจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับบัตรเดบิตคริปโต Visa ‘Freedom Card’ ส่วนใครที่สนใจเพิ่มเติมและพลาดโอกาสในการลงทะเบียนไป จะต้องรอจนกว่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

โดยทางคุณดีดี้ยังได้บอกต่ออีกว่า บัตรเดบิตคริปโต Visa ‘Freedom Card’ นั้นมี Tier ของบัตรด้วยโดยจะแบ่งจากการ Staking เหรียญ BTZ นั่นเอง

โดยการแบ่ง Tier นั้นจะมีเป็น 6 Tier ด้วยกัน และต้องวาง stake หน่วยเป็นบาท คือ

Tier 1 : Staking BTZ 2,000 บาท ได้ Rebate คืนเงิน 1%

Tier 2 : Staking BTZ 10,000 บาท ได้ Rebate คืนเงิน 2% รวมถึงรับ Reward 1%

Tier 3 : Staking BTZ 200,000 บาท ได้ Rebate คืนเงิน 4% รวมถึงรับ Reward 3%

Tier 4 : Staking BTZ 500,000 บาท ได้ Rebate คืนเงิน 6% รวมถึงรับ Reward 4%

Tier 5 : Staking BTZ 5,000,000 บาท ได้ Rebate คืนเงิน 8% รวมถึงรับ Reward 5%

Tier 6 : Staking BTZ 10,000,000 บาท ได้ Rebate คืนเงิน 10% รวมถึงรับ Reward 6%

โดยที่บัตรเดบิตคริปโต Visa ‘Freedom Card’ ตั้งแต่ Tier 4 ขึ้นไปจะมีสายด่วน (Hotline) ที่สามารถโทรหาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนผู้ที่ถือบัตร Tier 6 นั้นจะมีเหมือนผู้ช่วยส่วนตัวในการให้บริการ

เปรียบเทียบบัตร Freedom Card กับบัตรเดบิตเจ้าอื่น ๆ 

บัตรเดบิตคริปโต Visa ‘Freedom Card’ นั้นถือว่าเป็นบัตรที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับนักเทรด แต่นักเทรดท่านใดที่สงสัยว่าการมีบัตรเดบิตตัวนี้มีดีกว่าบัตรจากแพลตฟอร์มอื่นอย่างไรนั้น คุณดีดี้ได้กล่าวเอาไว้ว่าได้ให้รายละเอียดเอาไว้แบบนี้

ดูจากการสะสมแต้ม BTZ คืน ซึ่งบัตรของเรานั้นมี Rebate การคืนเยอะที่สุดในแพลตฟอร์มทุกอันอยู่ที่ 10% นอกจากนั้นบัตรยังสามารถเชื่อมต่อกับไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวช่วยเหลือ หรือแนะนำร้านอาหารไปกับมื้อสุดพิเศษ หรือมีกิจกรรม และในบัตร Tier สูงสุดจะมีผู้ช่วยส่วนตัว

นอกจากนั้นยังมีบริการ Freedom Asset ตั้งแต่ผู้ที่ถือบัตร Tier 5 ขึ้นไป โดยจะบริการอย่างเช่นเวลาใช้บริการสายการบิน และต้องการเข้า Airport Lounges รวมถึงจะมี Merchandise ด้วย

ซึ่งนอกจากนั้นบัตรเดบิตยังเป็นตัวเชื่อมระหว่างโลกดิจิทัลและโลกความเป็นจริง นอกนั้นเหรียญ BTZ ที่วาง Stake เอาไว้ยังได้ดอกเบี้ยอีกด้วย ราว 1-6% ขึ้นอยู่กับ Tier ของบัตร 

ทาง Bitazza ต้องการทำสิทธิประโยชน์ให้ได้ประโยชน์อย่างเช่นบัตรเครดิต ที่จะมีสิทธิพิเศษตามระดับของบัตรเครดิตนั้น ๆ เช่นเดียวกัน”  

ทั้งนี้สำหรับเพื่อนที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ที่ Whitepaper 2.0 และในส่วนเรื่องของการ Rebate คืนเงิน หากเทียบกับบัตรเดบิตของแพลตฟอร์มอื่น ๆ นั้น สูงสุดจะอยู่ที่ 8% ซึ่งเป็นของ Binance และ crypto.com อย่างไรก็ตามสำหรับข้อมูลตรงนี้จะสามารถไปดูได้อย่างละเอียดในหน้าที่ 9 ของ Whitepaper 2.0

สุดท้ายนี้ทางสยามบล็อกเชนได้ถามคำถามถึงประเด็นที่หลายคนสงสัยว่าในอนาคตบัตรเดบิตแห่งอนาคตใบนี้จะมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ หรือมี Partner ใหม่ ๆ เข้ามาในอนาคตหรือไม่

ทางคุณดีดี้กล่าวว่า :

มีแน่นอน พวกเรามีความตั้งใจมากว่า พันธมิตรทางตลาด หรือด้านธุรกิจอื่นๆ จะสอดคล้องกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันของผู้ใช้งานว่าจะมีเทรนด์อะไรบ้างไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง เข้าพักโรงแรม การเข้าถึงจองเรือยอร์ช รวมถึงประสบการ์พิเศษต่าง ๆ โดยทางเรา ตั้งใจจะเป็นผู้นำทางด้านคริปโตไลฟ์ไตล์ 

อยากให้ทุกคนที่ถือบัตรมองเห็นภาพว่านอกจากทางเราจะมีบัตรแบบเสมือนและบัตรจริงแล้ว ในขณะเดียวกันเราก็ยังมีสิทธิในโลกเสมือน Rebate และในโลกความเป็นจริงก็มีสิทธิประโยชน์ อย่าง การเดินทาง ร้านอาหาร โรงแรมด้วยเช่นกัน ในส่วนของพาร์ทเนอร์ยังอยู่ในช่วงเซ็นสัญญาแต่ทว่าหลังจากนี้จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกที

ต้องเรียกได้ว่างานนี้มีเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ที่ถือบัตรอย่างแน่นอนเพราะว่า ทาง Bitazza ก็ได้มีความตั้งใจที่จะอยากมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้แก่นักเทรดคริปโตและได้เล็งเห็นแล้วว่า นักเทรดชีวิตไม่ได้มีแค่การเทรดเพียงอย่างเดียวแต่มีชีวิตในด้านอื่น ๆ ด้วย  ซึ่ง Bitazza ก็ไม่พลาดที่จะมองข้ามในจุดนี้ และพยายามมอบความสุขให้เหล่านักเทรดคริปโตผ่านทางสิทธิประโยชน์มากมายเพื่อตอบโจทย์ชีวิตที่รอบด้านต่อไป

สรุป

จากสิทธิประโยชน์มากมายของบัตรเดบิตคริปโตนี้ ต้องบอกว่าน่าสนใจอย่างมากเพราะนอกจากสิทธิประโยชน์ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วแต่ทว่า รางวัลในโลกเสมือนที่ไม่ว่าจะเป็นในตัว Rebate คืนเงินที่ได้เปอร์เซ็นต์เยอะขึ้นจาก Tier ของบัตรแล้ว ยังมีในเรื่องของรางวัลจากการ Stake เหรียญอีกด้วย ซึ่งสิ่งนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์สำหรับนักเทรดทุกท่าน