ผู้เชี่ยวชาญของเครือข่าย Cardano ได้กล่าวอธิบายเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า เขาคาดว่าปริมาณธุรกรรมบนบล็อคเชน ของ cryptocurrency จะ “ระเบิดอย่างรุนแรง” โดยมีหลายปัจจัยที่ทำให้เป็นเช่นนั้น รวมถึงการอัพเกรดต่าง ๆ นา ที่จะมีขึ้น
บัญชีทวิตเตอร์ “ADA Whale” ได้กล่าวว่า การที่มีแพลตฟอร์ม การกู้ยืมและให้กู้ยืมที่ได้รับความนิยม จะสามารถช่วยให้ปริมาณธุรกรรมเติบโตอยู่ไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อผู้ใช้ ADA เพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ เจ้ามือรายใหญ่ยังได้ทำนายไปถึงสินทรัพย์สังเคราะห์ ซึ่งเป็นตัวแทนของสินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น หุ้น บล็อกเชน จะสามารถช่วยเพิ่มปริมาณการทำธุรกรรม เช่นเดียวกับเหรียญ Stablecoin
และแม้ Stablecoin ชั้นนำอย่าง Tether ก็ยังไม่ได้ออกเหรียญ Stablecoin ที่มีหลักประกันอย่างเต็มที่บน Cardano แม้ว่าจะสนับสนุน blockchains อื่น ๆ มากมายเช่น Ethereum, TRON, Solana, Algorand และ Bitcoin Cash
ผู้เชี่ยวชาญ ยังชี้ให้เห็นถึงการให้ผลตอบแทน ต่อผู้รวบรวมสภาพคล่องและแพลตฟอร์มการซื้อขายระดับโลกว่าจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ให้วอลลุ่มการเทรดของ Cardano เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน “ระเบิดอย่างรุนแรง” เช่นเดียวกับโซลูชันการระบุตัวตน ร้านหนังสือ NFT, แพลตฟอร์มสตรีมเพลง และอื่นๆ
จากรายงานพบว่า จำนวน Smart Contact ที่ใช้งานบนเครือข่าย Cardano ได้เพิ่มขึ้นจนตัวเลขได้อยู่เหนือระดับ 300,000 รายการเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสกุลเงินดิจิทัล ในขณะที่นักพัฒนากำลังทำงานเกี่ยวกับการอัพเกรด Vasil Hardfork และ การกระจายอำนาจ รวมถึงระบบนิเวศทางการเงิน ( DeFi) ที่จะช่วยให้เครือข่ายบล็อกเชนของ Cardano เติบโตยิ่งขึ้นไปอีก
แอปพลิเคชั่นธนาคาร Plutus เป็นที่น่าสังเกตว่าใช้ “แพลตฟอร์ม Smart Contact ของ Cardano blockchain” ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ “เขียนแอปพลิเคชันที่โต้ตอบกับ Cardano blockchain” ได้
ขณะนี้ Cardano ใกล้ที่จะทำการอัพเดท Vasil Hardfork แล้ว ซึ่งคาดว่า การอัพเกรดนี้จะช่วย ทำให้เครือข่ายมีประสิทธิภาพ “มหาศาล” แต่ก็ยังคงต้องรอต่อไป 2-3 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม จำนวนธุรกรรมบนเครือข่ายของ Cardano ได้ลดลงมาก ท่ามกลางตลาดคริปโตขาลง โดยมีวอลลุ่มธุรกรรมรายวันอยู่ที่ประมาณ 50,000 รายการ ลดลงจาก 150,000 รายการ หากนับจากต้นปีนี้ ในทำนองเดียวกัน การชำระเงินอยู่ที่ประมาณ $200,000 ต่อวัน ลดลงจากประมาณ $350,000
และ Cardano เปิดเผยรายงานเมื่อปลายเดือนที่แล้วด้วยว่า พวกเขาคงเป็นราชาแห่งบล็อคเชน เมื่อพูดถึงเรื่องความถี่ของกิจกรรมพัฒนาบน GitHub