มีรายงานว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) กำลังตรวจสอบ Binance และกระดานเทรดคริปโตอื่น ๆ ทั่วสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
กระดานเทรดตกอยู่ภายใต้การสอบสวน
Coinbase ไม่ได้เป็นเพียงกระดานเทรด crypto เดียวที่ SEC กำลังจับตามอง ตามที่เจ้าหน้าที่จากสำนักงานของวุฒิสมาชิก Cynthia Lummis ได้กล่าวไว้
ตามรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาได้อ้างว่าหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบ Binance และกระดานเทรดคริปโตอื่น ๆ ทั่วสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดย SEC กำลังมองหาแนวทางที่จะสร้างตัวเองในฐานะหัวหน้าหน่วยงานกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโตของประเทศ ในขณะที่ยังคงต่อสู้กับคณะกรรมาธิการการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (CFTC)
ที่ผ่านมา CFTC ได้ครองตลาดสกุลเงินดิจิทัลมาตั้งแต่ปี 2014 แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา SEC ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าต้องการดำเนินคดี Gary Gensler ประธาน ก.ล.ต. โดยได้เตือนหลายครั้งว่าโทเค็น crypto จำนวนมากอาจมีคุณสมบัติเป็นหลักทรัพย์และไม่ได้ลงทะเบียน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วศาลกล่าวหาว่าอดีตพนักงานของ Coinbase และผู้ร่วมงานสองคนมีส่วนร่วมในการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน ก.ล.ต. ซึ่งอ้างว่ากระดานเทรดอนุญาตให้ลูกค้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน “อย่างน้อย 9 โทเคน”
ก.ล.ต. ยกระดับการกำกับดูแล Crypto
ในขณะที่ข้อกล่าวหาการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายในของ Coinbase ได้ส่งคลื่นช็อกไปทั่วทั้งโลก แต่การเรียกร้องของ SEC ก็มีความโดดเด่นเช่นเดียวกันเนื่องจากไม่เคยกำหนดเป้าหมายไปที่โทเคนที่ได้รับการสนับสนุนมาก่อน ทั้งนี้การกล่าวหาดังกล่าวยังทำให้ Binance.US ตอบโต้ด้วยการเพิกถอนหนึ่งในโทเค็นที่กล่าวถึงอย่าง AMP
การตรวจสอบของ SEC ไม่ได้หยุดอยู่ที่ Coinbase แต่เพียงอย่างใดแต่การยื่นเรื่องซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลวงในจะเห็นได้ว่า Gensler ได้บันทึกว่าเขา “ไม่เห็นความแตกต่างระหว่างการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลและสถานที่ซื้อขายหุ้นแบบดั้งเดิม” ซึ่งทำให้ต้องการการตรวจสอบกระดานเทรดโดยทั่วไป
ในขณะที่ SEC ได้เพิ่มความพยายามในการเข้าควบคุมอุตสากรรม crypto มากยิ่งขึ้น เร็ว ๆ นี้ CFTC ก็ยังได้รับมอบเส้นทางที่เป็นไปได้ในการสร้างการกำกับดูแลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ crypto
โดยคณะกรรมการเกษตรวุฒิสภาได้แนะนำพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคสินค้าดิจิทัลปี 2022 ซึ่งหากร่างกฎหมายใหม่ดังกล่าวผ่านนักลงทุนจะได้เห็น Bitcoin และ Ethereum จัดเป็นสินค้าโภคภัณฑ์และมี CFTC กำกับดูแล ทั้งนี้หาก Bitcoin และ Ethereum ถูกจัดให้เป็นหลักทรัพย์ก็จะตกอยู่ภายใต้ขอบเขตการดูแลของ SEC
อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายจะต้องผ่านรัฐสภาจึงจะมีผลบังคับใช้ ซึ่งหมายความว่าจะมีการปะทะกันระหว่าง CFTC และ SEC ต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง