<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

5 คำทำนายของตลาด Crypto ที่อาจจะเกิดขึ้นในปี 2027

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เวลา 1 ปีอาจไม่นานพอที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดคริปโต

ปี 2027 จะเป็นช่วงเวลาที่เกี่ยการเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าของนวัตกรรมและเทคโนโลยี และก็เป็นช่วงเวลาแห่งความโกลาหลด้วย 

ในระยะยาวนั้นยากต่อการคาดเดา แต่จากการทดลองทางความคิด เวลา 1 ปีเป็นเวลาที่สั้นเกินไปที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลง ซึ่งถ้าอยากจะเห็นเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ก็ควรจะมีเวลาประมาณ 5 ปี นี่คือเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า

1. Metaverse จะไม่เติบโตขึ้น

คนส่วนใหญ่ไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นยังไง แล้วประกอบด้วยอะไร โดย Metaverse เป็นโลกเสมือนจริงที่เชื่อมโยงกับโลกความเป็นจริง มีการทำงานแบบ Real Time รับรองผู้ใช้จำนวนเท่าใดก็ได้ มีระบบเศรษฐกิจเป็นของตัวเอง สร้างขึ้นโดยผู้เข้าร่วมเอง และมีลักษณะการทำงานร่วมกันที่ไม่เคยมีมาก่อน 

คำจำกัดความนี้ทำให้เห็นว่า Metaverse ไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่ เกมและโซเชียลส่วนฟีเจอร์เหล่านี้มาระยะหนึ่งแล้ว จริงอยู่ว่าการเชื่อม Metaverse กับกระเป๋าคริปโตจะทำให้สามารถโอนสินทรัพย์ดิจิทัลระหว่างเกมหรือข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย แต่ Metaverse จะไม่วันที่จะสามารถตอบสนองทุกความต้องการได้ และไม่มีเหตุผลที่จะต้องรวมบริการบางอย่างไว้ใน Metaverse เลย และบริการบางอย่างก็ไม่ควรจะมาอยู่ใน Metaverse

และยังต้องคำนึงถึงปัญหาทางด้านเทคนิคต่าง ๆ ด้วย ในช่วงปี 1980 ถึง 1990 มีการนิยาม Metaverse ว่าเป็นการรวมโลกเข้าด้วยกัน และขณะนี้หลายอย่างเริ่มเป็นจริงมากขึ้น เทคโนโลยี VR เริ่มพัฒนาดีขึ้นมาเรื่อย ๆ แต่มันก็ยังไม่แพร่หลายจนคนธรรมดาส่วนใหญ่ใช้

การรวมโลกเข้าด้วยกันอย่างแท้จริงต้องมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น คอนแทคเลนส์อัจฉริยะหรือ Neuralink และเทคโนโลยีเหล่านี้ก็ไม่น่าจะแพร่หลายในอีก 5 ปีข้างหน้า

2. Crypto Wallet จะกลายเป็น Super Apps

ผู้ใช้ระบบการเงินแบบ Decentralized Finance หรือ DeFi มีโปรโตคอลหลากหลายให้ใช้งานในทุกวันนี้ ตัวอย่างเช่น โปรโตคอลกระเป๋าเงิน, โปรโตคอล Interfaces, โปรโตคอลกระดานเทรด, โปรโตคอล Bridges, โปรโตคอลเงินกู้ ซึ่งมีหลายร้อยรายการและเติบโตขึ้นทุกวัน ซึ่งเทคโนโลยเหล่านี้ยังสร้างความลำบากให้ผู้ใช้งาน ทำให้อาจจะเป็นที่ยอมรับได่ยาก

การรวมระบบต่าง ๆ ข้างบนนี้ไว้กับแอพพลิเคชั่น Wallet จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น และผู้ใช้งานส่วนใหญ่ต้องการแค่ที่จะเก็บสินทรัพย์และโอนไปที่อื่นเท่านั้น ทำให้ไม่จำเป็นต้องเข้าถึงแพลตฟอร์มที่ใช้งานยากเหล่านั้น และสิ่งนี้จะทำให้บริการ DeFi ต่าง ๆ เหล่านั้นหันมารวมกับ Wallet เพื่อที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น

3. Bitcoin จะกลายเป็นสกุลเงินที่ได้รับการยอมรับเหมือน USD และ EUR

เงินมีบทบาทสำคัญ 3 อย่าง ก็คือ เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน เป็น Store of value และเป็นหน่วยวัดมูลค่า ในตอนนี้ Bitcoin และ Ethereum ถูกจัดเป็น Store of Value แต่เงินดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นหน่วยบัญชีหลักในโลก และทุกอย่างรวมทั้ง Bitcoin มีค่าเป็นดอลลาร์

ชัยชนะที่แท้จริงสำหรับ Bitcoin ก็คือ เมื่อ Bitcoin ถูกจัดเป็นหน่วยบัญชี และชัยชนะดังกล่าวจะทำให้ระบบการเงินมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

อะไรคือสิ่งที่จะทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า

ความเชื่อมั่นที่ลดลงอย่างมากในดอลลาร์สหรัฐและยูโรเป็นสิ่งแรกที่จะทำให้ Bitcoin เข้าสู่การเป็นหน่วยบัญชี ทางการได้ทำหลายสิ่งเพื่อทำลายความเชื่อมั่นเช่น การพิมพ์เงิน ปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อสูงอย่างผิดปกติ การแช่แข็งเงินสำรองของประเทศอธิปไตยหลายแสนล้านดอลลาร์ และอื่นๆ

4.ครึ่งหนึ่งของ Cryptocurrency 50 อันดับแรกจะร่วง

มีความเป็นไปได้สูงที่ Cryptocurrency อันดับต้น ๆ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง และ Stablecoin บางส่วนจะถูกสกุลใหม่เข้ามาแทนที่

5.ตลาดคริปโตจะถูกแยกส่วนตามเส้นภูมิศาสตร์

ตลาดคริปโตเป็นตลาดที่ซื้อขายกันทั่วโลก แต่ก็ถูกรบกวนโดยรัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง เช่นใน สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป จีน อินเดีย รัสเซีย ได้มีการออกกฏระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับ Cryptocurrency

ตัวอย่างในการแบ่งแยกโลกคริปโตก็เช่น มาตรการการคว่ำบาตร ที่ทำให้โปรเจ็คคริปโตบางโปรเจ็คจำกัดผู้ใช้งานชาวรัสเซียจากการเข้าถึงบริการของพวกเขา หรือแม้แต่ปิดกั้นเงินทุนต่าง ๆ 

ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการถึงอนาคตที่ส่วนต่าง ๆ ของตลาดคริปโตจะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของบางประเทศ และมีการปิดกั้นประเทศอื่น ๆ 

Source : CoinTelegraph