หลังจากที่ตลาดคริปโตได้ผ่านช่วงวิกฤตและมีการฟื้นตัวกลับมาบางส่วน สิ่งนี้ส่งผลให้นักลงทุนหวนกลับมาสนใจตลาดหุ้นกันอีกครั้งเพื่อนำมาใช้เป็นตัวชี้วัดว่า ช่วงขาลงของตลาดนั้นจบลงแล้วหรือยัง
โดยหุ้นสหรัฐฯ ส่วนใหญ่นั้นมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้น ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เช่นเดียวกันกับราคา Bitcoin ซึ่งที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่า 15%
ด้านค่าประสิทธิ์ความสัมพันธ์ระหว่าง Bitcoin และ S&P 500 มีการปรับฐานราคาลดลงเล็กน้อยในเดือนมิถุนายน ตอนนี้ก็สามารถฟื้นตัวกลับมายืนเหนือที่ระดับ 0.65 อีกครั้ง ท่ามกลางการอ่านค่าสูงสุดในข้อมูลของ Bloomberg ย้อนหลังไปจนถึงปี 2010 โดยค่าสัมประสิทธิ์ 1 หมายความว่าสินทรัพย์ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกัน ในขณะที่ค่าสัมประสิทธิ์ -1 แสดงให้เห็นว่า สินทรัพย์ทั้งสองกำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้าม
ไม่ว่าจะหุ้นหรือสกุลเงินดิจิตอล การถามว่า ตลาดช่วงขาลงในรอบนี้มาถึงจุดต่ำสุดแล้วหรือยังนั้น เป็นคำถามที่ไม่มีใครสามารถบอกได้อย่างแม่นยำ แต่หากมองจากข้อเท็จจริงที่เขียนระบุไปข้างต้น ก็เป็นไปได้ว่าสินทรัพย์ทั้งคู่จะกลับมาลงไปที่ระดับราคาต่ำสุดในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
ทั้งนี้นักวิเคราะห์จาก Glassnode ที่เชี่ยวชาญในด้านคริปโต กล่าวว่า กิจกรรมบนเครือข่าย “จะเป็นตัวชี้ให้เห็นว่ายังมีเม็ดเงินลงทุนใหม่ไหลเข้ามาเพียงเล็กน้อย” แต่ในขณะเดียวกัน ความต้องการทำธุรกรรมก็มีการซื้อขายที่เป็นลักษณะ Sideway ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา บ่งชี้ให้เห็นว่า “มีแค่นักลงทุนที่มีความอดทนและมีความเชื่อมั่นสูงเท่านั้นที่จะอยู่รอด”
Katie Stockton ผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการของ Fairlead Strategies ซึ่งเ้ป็นบริษัทวิจัยที่มุ่งเน้นด้านการวิเคราะห์ราคาคริปโต กล่าวว่า “Crypto มีความผันผวนมากกว่าหุ้น ดังนั้นในนั้นจึงมีความเสี่ยงมากกว่า และมันสมเหตุสมผลที่นักลงทุนจำเป็นต้องสร้างขวัญกำลังใจขึ้นมาใหม่ หลังจากที่พวกเขาเผชิญหน้ากับกราฟราคาที่ร่วงลงมาอย่างรุนแรง” แต่ถึงกระนั้น เธอกล่าวว่า หากนักลงทุนคริปโตต้องการใช้สัญญาณจากหุ้น “มันดูสมเหตุสมผลเพราะทั้งคู่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง”
ที่มา : Bloomberg