Fabio Araujo ผู้อำนวยการธนาคารกลางของบราซิล ยกย่องคุณสมบัติทางเทคโนโลยีของ Bitcoin (BTC) โดยเรียกว่าเป็นสินทรัพย์ที่เป็นนวัตกรรมทางการเงินที่ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ทาง Livecoins รายงานว่า Araujo ได้แยกแยะบทบาทของ Bitcoin ในการสร้างแนวคิดเกี่ยวกับ Web3 ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเขตอำนาจศาลส่วนใหญ่ เพื่อเริ่มต้นค้นคว้าเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC)”
ที่น่าสนใจคือ ผู้อำนวยการเปิดเผยว่าธนาคารเริ่มตรวจสอบคุณสมบัติของ Bitcoin เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
“เราได้เปิดตัว Bitcoin ในปี 2019 ด้วยเทคโนโลยีแบบกระจายอำนาจ ที่จะสามารถช่วยเทคโนโลยี Web3 อย่างไรก็ตาม Bitcoin ก็ได้นำโซลูชัน Proof-of-Work (PoW) ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับบริการ ที่ Web3 จะมอบให้กับผู้ใช้” เขากล่าว
Bitcoin เป็นสกุลเงิน
อย่างไรก็ตาม Araujo ได้ตัดความเป็นไปได้ที่ Bitcoin จะถูกใช้เป็นสกุลเงิน โดยเขาได้อ้างถึงความผันผวนของสินทรัพย์ซึ่งเป็นข้อเสียเปรียบหลัก ในกรณีนี้ ผู้อำนวยการอธิบายว่า CBDC เป็นสิ่งที่มีความจำเป็น ที่จะเข้ามาช่วยขจัดความผันผวนและทำงานเป็นวิธีการแก้ปัญหาการชำระเงิน
“ถึงแม้ว่า CBDC จะใช้เทคโนโลยีที่รองรับคริปโต แต่ CBDC ไม่ใช่สินทรัพย์ คริปโต หรือให้พูดง่าย ๆ ก็คือ CBDC เป็นการแสดงออกถึงสินทรัพย์แห่งโลกความเป็นจริงในสภาพแวดล้อมที่ cryptocurrency ดำเนินการอยู่” เขากล่าวเสริม
เขายืนยันว่า สถาบันกำลังพิจารณา CBDC โดยคาดว่าจะมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในปี 2024 เป็นที่น่าสังเกตว่า Araujo เป็นหัวหน้าโครงการ CBDC ของธนาคารกลางบราซิลและยืนยันว่าโครงการนำร่องมีแนวโน้มที่จะเปิดให้บริการในปี 2023
นอกจากนี้ Araujo ยังได้ยกย่องคุณสมบัติ Smart Contact ของ Ethereum (ETH) และความสามารถในการขับเคลื่อนการเงินแบบกระจายอำนาจ ( DeFi) เป็นเทคโนโลยีหลักในการขับเคลื่อนนวัตกรรมในภาคการเงิน
ด้วยเหตุนี้ ผู้อำนวยการจึงยืนยันว่า ธนาคารกำลังมองหาที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่รวมคุณสมบัติต่างๆ ที่นำเสนอโดย Bitcoin, Ethereum, DeFi, Web3 และ stablecoins
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บราซิลยังได้รายงานจำนวนนักลงทุน crypto ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้เล่นต่างแย่งชิงกันเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในตลาด เช่นมีรายงานว่าธนาคาร Nubank ซึ่งเป็นผู้แข่งขันตัวเต็งของบราซิลที่ได้รับการสนับสนุนจาก Warren Buffet อย่างไรก็ตาม กระดานเทรด Bitso สัญชาติแม็กซิโก ได้มีจำนวนผู้ใช้บริการในบราซิลแตะ 1 ล้านราย หลังจากเปิดบริการ
ที่มา : Finbold