<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ข้อมูลเผย Google ยืนหนึ่งบริษัทที่ลงทุนใน Blockchain มากที่สุด มูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ดูเหมือนว่าบริษัทแม่ของ Google อย่าง ‘Alphabet’ นั้นจะเป็นบริษัทที่ทุ่มเงินลงทุนไปในอุตสาหกรรมบล็อคเชนมากที่สุด เมื่อเทียบกับบริษัทมหาชนอื่นๆ โดยลงทุนไปเป็นจำนวนเงินกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงระหว่างเดือนกันยายน ปี 2021 – มิถุนายน ปี 2022

ข้อดังกล่าวถูกเผยแพร่โดย Blockdata เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า  บริษัท Alphabet (Google) เป็นนักลงทุนที่มีกระเป๋าเงินมากที่สุด เมื่อเทียบกับบริษัทมหาชนชั้นนำ 40 แห่ง ที่ลงทุนในบริษัทบล็อคเชนและคริปโตในช่วงเวลาดังกล่าว

ทั้งนี้บริษัทได้ลงทุนไปเป็นจำนวนเงินกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมุ่งเน้นไปที่บริษัทที่เกี่ยวกับบริษัทด้านบล็อคเชน 4 แห่ง รวมถึง แพลตฟอร์มการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล Fireblocks, บริษัทเกม Web3 Dapper Labs, เครื่องมือโครงสร้างพื้นฐานของ Bitcoin  และกลุ่มสกุลเงินดิจิทัล

ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ตรงกันข้ามกับปีที่แล้ว เพราะเมื่อปีที่แล้ว Google ได้ระดมทุนจำนวน 601.4 ล้านดอลลาร์ ในบริษัทที่ใช้บล็อคเชน 17 แห่ง ซึ่งรวมถึง Dapper Labs อีกครั้งพร้อมกับ Alchemy, Blockchain.com, Celo, Helium และ Ripple

การลงทุนที่เพิ่มขึ้นของ Google ในอุตสาหกรรมบล็อกเชนนั้นสอดคล้องกับบริษัทซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำ 40 แห่ง โดยมีการลงทุนทั้งหมด 6 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเวลานี้ เทียบกับ 1.9 พันล้านดอลลาร์ระหว่างม.ค. 2021 ถึง ก.ย. 2021 และ 506 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนตั้งแต่ปี 2020

ด้านนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ได้แก่ บริษัทจัดการสินทรัพย์ BlackRock  ที่ลงทุนเงินจำนวน 1.17 พันล้านดอลลาร์, บริษัทวาณิชธนกิจ Morgan Stanley ได้ลงทุนไปจำนวน 1.11 พันล้านดอลลาร์ และบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ Samsung ด้วยเงินลงทุนรวม 979.2 ล้านดอลลาร์

เช่นเดียวกับ Google สถานบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง Morgan Stanley และ BlackRock ใช้แนวทางที่เชิงรุกในการลงทุนในบริษัทด้านคริปโตเพียงสองถึงสามแห่งในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม Samsung เป็นนักลงทุนที่กระตือรือร้นที่สุดโดยลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับภาคคริปโตถึง 13 แห่ง

โดยบรรดาธนาคาร ที่มีรายชื่อเป็นนักลงทุนคริปโตอันดับต้น ๆ ได้แก่ United Overseas Bank, Commonwealth Bank of Australia และ BNY Mellon

ที่มา : cointelegraph