เชียงใหม่ -ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษเขตพื้นที่ 5 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เผยว่าผู้เสียหายที่เป็นเหยื่อของบริษัทตุ้มตุ๋นลงทุนเหมืองขุดคริปโตฯ เชียงใหม่เฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบได้เข้าร้องทุกข์แล้วกว่า 345 ราย โดยที่มูลค่าความเสียหายรวมกันนั้นสูงถึง 390 ล้านบาท
โดยตอนนี้เตรียมยกเคสดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ขณะที่ตำรวจ สอท.รับแจ้งความดำเนินคดีกับ “นาย ป.” เจ้าของบริษัทฐานความผิด “ฉ้อโกงประชาชนและ พรก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” พร้อมทั้งยังได้มีการประสานงานกับ ตม.เพื่อทำการสกัดการหลบหนีออกนอกประเทศ
ความคืบหน้ากรณีผู้เสียหายจำนวนมากนำเอกสารหลักฐานเข้ายื่นร้องทุกข์ที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษเขตพื้นที่ 5 กรมสอบสวนคดีพิเศษ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กรณีร่วมลงทุนกับบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ที่อ้างว่าดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขาย cryptocurrency และทำเหมืองขุด Bitcoin โดยให้สัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนต่อเดือนสูงถึง 15%
แต่ต่อมาก็ไม่ได้มีการจ่ายผลตอบแทนตามที่ให้สัญญาไว้และไม่คืนเงินลงทุนให้นักลงทุนอีกด้วย ทั้งที่ได้มีการติดตามทวงถามกับทางบริษัทแล้วแต่กลับถูกบ่ายเบี่ยง
นอกจากนี้ “นาย ป.” เจ้าของบริษัทที่เป็นผู้ชักชวนให้คนมาลงทุน ซึ่งปกติมักจะโพสต์โชว์ภาพการใช้ชีวิตหรูหราอยู่เสมอผ่ายทางโซเชียลมีเดียของเจ้าตัวก็ได้หายไปในกลีบเมฆทั้งครอบครัวและไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้ทางกลุ่มผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกให้ลงทุนในลักษณะของแชร์ลูกโซ่จึงได้มีการเข้าร้องทุกข์
วันนี้ 27 ส.ค.65 มีรายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า จากการเปิดเผยของเรืออากาศตรี กิตติคม คงสมโภชน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ระบุว่าเบื้องต้นเฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 มีผู้เสียหายจากบริษัทดังกล่าวเข้าร้องทุกข์ทั้งยื่นเอกสารหลักฐานด้วยตัวเองและผ่านทางระบบออนไลน์จำนวนทั้งสิ้นกว่า 345 ราย มูลค่าความเสียหายล่าสุดรวมทั้งสิ้นกว่า 390 ล้านบาท
โดยพบรายที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดเป็นจำนวนเงินกว่า 30 ล้านบาท ทั้งนี้เตรียมทำเรื่องเสนอให้ทาง DSI รับเป็นคดีพิเศษแล้ว เนื่องจากเข้าหลักเกณฑ์ที่ว่าต้องมีมูลค่าความเสียหายเกิน 100 ล้านบาทหรือผู้เสียหายเกิน 300 คน
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ล่าสุดมีกระแสข่าวว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ได้ประสานงานกับทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองแล้วเพื่อขอให้ระงับการเดินทางออกราชอาณาจักรของ “นาย ป.” เจ้าของบริษัทดังกล่าว หลังจากที่ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายและดำเนินคดีกับ “นาย ป.” ฐานความผิด “ฉ้อโกงประชาชนและ พรก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” ทั้งนี้เนื่องจาก “นาย ป.” มีโอกาสสูงที่จะหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร
ที่มา : MGROnline
.