<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Crypto อาจกลายเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อเพียงแต่จะยังไม่ใช่ช่วงเวลานี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในทางทฤษฎีนั้น Bitcoin (BTC) ควรทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อด้วยความที่มันเข้าถึงได้ง่าย, มีอุปทานที่คาดการณ์ได้และธนาคารกลางไม่สามารถจัดการอะไรกับมันได้ตามอำเภอใจ

อย่างไรก็ตามนักลงทุนไม่ได้ทำเหมือนมันเป็นเครื่องป้องกันเงินเฟ้อตลาดคริปโตกำลังสะท้อนตัวเองเป็นเหมือนกับตลาดหุ้นทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? มาดูสิ่งที่กีก cryptocurrency จากการทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นเพื่อให้มันประพฤติตัวเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อในอนาคต

Crypto อาจเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยง แต่บางอย่างยังไม่เอื้ออำนวย

Crypto นั้นนำเสนอโซลูชั่นที่ไม่เหมือนใครมันไม่จำเป็นต้องพึ่งพาธนาคารกลางซึ่งคุณไม่สามารถสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจไปกับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงและด้วยความที่มันมีอุปทานที่จำกัดมันมันจึงมีมูลค่าในตัวเองไปโดยปริยาย

ผู้คนที่ใช้บล็อกเชนผ่านโปรโตคอล Proof-of-Stake สามารถเข้าถึงเงินทุนของพวกเขาได้ตลอดเวลาในขณะที่รับเงินรางวัลจากการ stake อย่างต่อเนื่องจากยอดเงินในปัจจุบันของพวกเขานั่นหมายความว่าร้อยละของผลตอบแทนรายปีนั้นจะผูกอยู่กับกิจกรรมทางเศรษฐกิจบน chain ผ่านเงินทุนของพวกเขาและกลไกกระจายผลตอบแทนจากการ stake ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ดูเหมือนมันอาจจะช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อในระบบการเงินแบบดั้งเดิมแต่ยังคงมีอุปสรรคบางอย่างอยู่

ก่อนอื่นเราลองมามองถึงสาเหตุที่ผู้คนเลือกลงทุนและถือคริปโต ผู้ถือคริปโตส่วนใหญ่มองเห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีเหล่านั้นในอนาคตซึ่งก็หมายความว่ามูลค่าบางส่วนของพวกมันจะยังไม่มีอยู่ในตอนนี้ คริปโตเป็นการลงทุนเพื่อการเก็งกำไร Bitcoin ที่ให้ความ decentralized แก่ผู้ใช้ได้แต่ก็แลกมากับค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่สูงลิบลิ่วนั้นยังไม่ได้รับการแก้ไขอีกทั้งกำลังขุดส่วนมากก็ไปกองรวมกับ pool ขุดเจ้าใหญ่ ๆ

ตัวของ Ethereum (ETH) เองก็มีปัญหาในลักษณธที่คล้ายคลึงกันเกี่ยวกับการใช้พลังงานและการรวมศูนย์ของ pool ขุด นอกจากนี้ Ethereum ยังมีปัญหาด้านความปลอดภัยอีกด้วยในปีนี้มีเหรียญ ETH ที่ถูกขโมยไปแล้วกว่า 1,200 ล้านดอลลาร์จากบล็อกเชน

ปัญหาเงินเฟ้อเกิดจากการขาดความไว้วางใจนั่นเป็นสิ่งที่ crypto ยังคงต้องการ

อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากการพิมพ์เงินเพิ่มแค่อย่างเดียว แต่ด้วยการมีอยู่ของสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นกลับไม่ได้ทำให้มูลค่าของมันลดลงโดยอัตโนมัติ ระหว่างเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนของปี 2008 จำนวนเงินหมุนเวียนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นมากว่า 3 เท่า แต่อัตราเงินเฟ้อกลับลดลง

อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นยังมีส่วนเอี่ยวกับความไม่ไว้วางใจของสาธารชนที่มีต่อระบบการเงินส่วนกลาง อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดจากการพิมพ์เงินเพื่อบรรเทาปัญหาการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของ COVID-19 และการหยุดชะงักของการกระจายอุปทานที่สำคัญ (ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจากสงครามในยูเครน) ทำให้เราตกอยู่ในวิกฤตการณ์ในปัจจุบัน การพิมพ์เงินครั้งใหญ่ในปี 2021 ไม่ได้ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ แต่มันทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อขยายตัวเพิ่มมากขึ้น

ปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการสูญเสียความไว้วางใจในสินทรัพย์สามารถเก็บมูลค่าไว้ได้เป็นระยะเวลานาน สินค้าส่วนใหญ่ในโลกนี้มีจำกัด ดังนั้นทุกฝ่ายที่ทราบถึงอุปทานที่เพิ่มขึ้นแต่ไม่มั่นใจว่านโยบายการเงินจะรวมปัจจัยดังกล่าวเข้ากับราคาสินค้าได้โดยอัตโนมัติหรือไม่ดังนั้นอัตราเงินเฟ้อจะกลายเป็นคำทำนายถึงอนาคตด้วยตัวของมันเอง

Crypto สามารถเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อแต่ไม่ใช่ในเวลานี้

Cryptocurrencies ล้มเหลวในแง่การเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อในช่วงเวลาตลาดที่มีความผันผวนสูงและมีความไม่แน่นอน โดยทั่วไปแล้วพวกมันเก่งในสภาพแวดล้อมที่เศรษฐกิจมีการเติบโตที่มั่นคงซึ่งพวกมันเป็นตลาดที่ทำราคาได้ดีและมีมูลค่าตลาดที่ค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับตลาดหุ้น

แนวทางแก้ไขปัญหาการใช้งานในปัจจุบันนั้นยังไม่ยั่งยืนเนื่องจากลักษณะการใช้งานของมันยังคงเป็นเพื่อการเก็งกำไรและปริมาณธุรกรรมที่ต่ำ อีกทั้งการล่มสลายของบล็อกเชนที่ไม่มีความมั่นคงทางการเงินยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าโซลูชันระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นยังคงถูกหลอกลวงได้โดยนักต้มตุ๋น

ยิ่งชุมชน crypto มีความรับผิดชอบและขยันมากขึ้นเท่าไร เสียงที่สะท้อนออกมาก็จะได้รับประโยชน์มากขึ้นเท่านั้นและ crypto จะกลายเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่แท้จริง เนื่องจากปัจจุบัน crypto มีรูปแบบการเติบโตไปในทิศทางเดียวกับหุ้น พวกมันทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงที่ดีต่อเงินเฟ้อในช่วงที่ตลาดมีการเติบโตอย่างมั่นคง แต่มันจะล้มเหลวในช่วงที่เกิดวิกฤตทางการเงิน เมื่อ crypto พัฒนาไปมากขึ้นพวกมันจะกลายเป็นเกราะป้องกันที่มีประสิทธิภาพในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำเช่นกัน

ที่มา : Cointelegraph