Anatoly Yakovenko ซีอีโอของ Solana Labs กำลังจัดการกับปัญหาทางเทคนิคบางประการที่ Solana ( SOL ) กำลังเผชิญในช่วงปีที่ผ่านมา
ในระหว่างการสัมภาษณ์ครั้งใหม่กับรายการ Real Vision ของ Raoul Pal ผู้ก่อตั้ง Solana กล่าวว่าเป้าหมายของ Solana ในการประมวลผลธุรกรรมในอัตราที่สูงเป็นพิเศษนั้นทำให้เกิดความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Solana เริ่มดึงดูดผู้ใช้ใหม่จำนวนมาก
“นี่เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ผมชอบด้วยเพราะความท้าทายเหล่าทำให้เรามีผู้ใช้ และเชนเป็นแบบรายวัน ดังนั้นเมื่อคุณดูธุรกรรมปกติจากแอปพลิเคชันจากผู้ใช้ธุรกรรมเหล่านั้น มีประมาณ 30 ล้านธุรกรรมต่อวัน และที่พีคสุดของเราคือ 65 ล้านธุรกรรมต่อวัน นั่นเป็นมากกว่าเชนอื่น ๆ รวมกันเสียอีก
“ Binance Smartchain เป็นหนึ่งในสิบของตัวเลขนั้น ผมคิดว่า Ethereum อยู่ที่ประมาณหนึ่งในสามสิบ แต่เนื่องจากการประมวลที่ค่อนข้างแออัดนี้ เราได้เผชิญกับสิ่งที่เราไม่คาดคิด และยอมรับว่าเราอาจคิดน้อยเกี่ยวกับประเภทของการโจมตีที่ผู้คนตั้งใจที่จะโยนใส่เครือข่าย…”
“ผมคิดว่าบางคนเห็น 10 ล้านแพ็กเก็ตต่อวินาทีถูกส่งไปยังผู้ตรวจสอบความถูกต้อง (validator) และหากมีข้อบกพร่องเกิดขึ้นในตัวตรวจสอบความถูกต้องตัวใดตัวหนึ่ง หน่วยความจำก็จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่คือเราทำได้ไม่ดีสำหรับเรื่องนั้น โปรแกรมตรวจสอบสามารถปิดตัวลงได้ทุกเมื่อ และอาจพังลง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม โดยทั่วไปแล้วเครือข่ายจะหยุดนิ่งจนกว่าจะมีการแทรกแซงจากเจ้าหน้าเพื่อที่จะรีสตาร์ทเครือข่ายกลับมา”
Yakovenko ยังกล่าวด้วยว่าบล็อกเชนที่แตกต่างกัน ด้วยสถาปัตยกรรมทางเทคนิคและกรณีการใช้งานที่แตกต่างกันจะล้มเหลวในรูปแบบต่างๆ ในขณะที่ Bitcoin (BTC) จะสามารถจัดการกับความล่าช้าใน block time ได้ Yakovenko กล่าวว่า การประมวลผลบล็อกที่รวดเร็วของ Solana จะไม่อนุญาตให้มีที่ว่างมากนัก
“[Bitcoin] ได้รับการออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นสูง และบางสิ่งที่เป็นเรื่องปกติสำหรับ Bitcoin เช่น เมื่ออำนาจแฮชเรตของจีนปิดตัวลง มีบางครั้งที่ Bitcoin สร้าง Block นานถึงสองชั่วโมง แต่ทุกอย่างก็ยังโอเค กลับกันหาก Solana มีสร้าง Block นานถูกสองชั่วโมง นั่นแสดงว่าเครือข่ายได้ตายลงอย่างสมบูรณ์ เพราะ Solana ถูกออกแบบให้สร้างบล็อกทุก ๆ 400 มิลลิวินาที…”
“ดังนั้นเมื่อคุณพยายามสร้างเครือข่ายที่เร็วขึ้น กรณีความล้มเหลวจะแตกต่างไปจากกรณีของ Bitcoin หรือ Ethereum”
ที่มา : dailyhodl