รายงานล่าสุดจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า เหรียญคริปโตมีศักยภาพในการชำระเงินที่เหนือเมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศที่มีมูลค่าลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินอื่น โดยข้อมูลของ IMF พบว่า การชำระเงินด้วยคริปโตนั้น สามารถที่จะป้องกันความเสี่ยงได้ดีกว่ามาก เมื่อเทียบกับสกุลเงินที่กำลังจะอ่อนค่าลง และสามารถที่จะพัฒนาได้มากขึ้นในฐานะเครื่องมือที่เอาไว้ใช้เก็งกำไร
การยอมรับและกฎระเบียบของอุตสาหกรรมคริปโต
รายงานจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยังระบุด้วยว่า กฎหมายที่อาจเป็นตัวช่วยให้คริปโตเติบโตได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการมีกฎระเบียบจะช่วยเอื้ออำนวยต่อนวัตกรรมให้ดีขึ้นด้วย จากรายงานเน้นย้ำว่า แม้ตลาดคริปโตจะมีมานานกว่าทศวรรษแล้วก็ตาม แต่กฎการควบคุมมันเพิ่งกลายเป็นประเด็นให้หลาย ๆ ฝ่ายกังวล เพราะการนำเอาคริปโตไปใช้นั้น เริ่มมีเพิ่มขึ้นและรวดเร็วมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ในรายงานฉบับใหม่ที่เขียนโดย Aditya Narain ผู้อำนวยการ IMF และผู้ช่วยผู้อำนวยการ Marina Moretti ระบุว่า สินทรัพย์คริปโตได้เปลี่ยนจาก “ผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่ม” ไปใช้ในการซื้อขายในตลาดที่มีความเสี่ยงสูง การป้องกันความเสี่ยงจากสกุลเงินที่อ่อนแอ และเครื่องมือการชำระเงิน
นอกเหนือนั้นแล้ว การล่มสลายของบริษัทคริปโต กระดานเทรดและกองทุนป้องกันความเสี่ยงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ยังได้ “เพิ่มแรงผลักดันในด้านกฎระเบียบ” เพราะหากว่า มีการกำกับดูแลอย่างเหมาะสม มูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลอาจไม่ลดลงอย่างรวดเร็วอย่างในปัจจุบัน
ตามคำพูดของ Narain และ Moretti การสร้างกรอบการกำกับดูแลสำหรับสินทรัพย์ crypto เป็นงานที่ท้าทาย โดยเขาได้อ้างถึง การขยายตัวอย่างรวดเร็วของตลาดคริปโต ความซับซ้อนในแง่ของการตรวจสอบ และการขาดความเชี่ยวชาญในทางปฏิบัติในหมู่หน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดบางประการ
“หน่วยงานกำกับดูแลบางแห่งอาจให้ความสำคัญกับการคุ้มครองผู้บริโภค ความปลอดภัยและความมั่นคงอื่น ๆ หรือความสมบูรณ์ทางการเงิน แต่นอกจากนั้นก็ยังมี นักขุดคริปโต, ผู้ตรวจสอบ, ผู้พัฒนาโปรโตคอล ที่กฎระเบียบทางการเงินแบบดั้งเดิมยังไม่สามารถครอบคลุมและคุ้มครองพวกเขาได้”
หน่วยงานกำกับดูแลจากทั่วทุกมุมโลก
ในยุโรป ขั้นตอนสุดท้ายสำหรับกฎระเบียบในตลาดคริปโต ที่รอคอยมานาน อย่าง Crypto-Assets (MiCA) คาดว่าจะสามารถเผยแพร่ภายใน 4-6 สัปดาห์ข้างหน้า
ในสหรัฐอเมริกา กฎหมาย Responsible Financial Innovation Act ซึ่งเป็นกฎหมายควบคุมคริปโต คาดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเร่งด่วนได้ในภาคคริปโต
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าคนที่ไม่ได้อยู่ในตลาดคริปโตเอง ก็ยังมองว่า การที่มีกฎที่จะควบคุมคริปโตนั้นดีกว่า การแบนคริปโตอย่างแน่นอน โดย Brad Sherman สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ เป็นคนล่าสุดที่ได้เปลี่ยนมุมมองของเขาในเรื่องคริปโตและหันมายอมรับคริปโตในที่สุด
ที่มา : crypto.news