จากผลสำรวจล่าสุดของ Harris Poll ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดระดับโลก พบว่า ชาวอเมริกันมากกว่า 70% ที่ลงทุนในตลาดคริปโตเชื่อว่า พวกเขานั้นมีคู่มือในการเป็นมหาเศรษฐี คิดเป็นสัดส่วน 44% ของผู้ตอบแบบสอบถาม
โดยทางบริษัทได้จัดทำโพลสำรวจความคิดเห็นของผู้ใหญ่ชาวอเมริกันจำนวน 1,989 คน ผ่านทางออนไลน์ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นักลงทุนคริปโตไม่ใช่คนกลุ่มเดียวที่มีความมั่นใจอย่างมากว่า พวกเขามีคุณสมบัติที่จะเป็นเหมือน Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon
แน่นอนว่า คนรุ่นใหม่ที่ลงทุนในตลาดคริปโต นั้นมีมากกว่ากลุ่มที่มีอายุสูง เช่นเดียวกับผู้ชายและ LGBTQ ล้วนมีแนวโน้มที่จะคิดว่า พวกเขามีคู่มือในการเป็นมหาเศรษฐี คิดเป็น 55% ของคนรุ่นมิลเลนเนียลและ 66% ของผู้ตอบแบบสำรวจเป็น Gen Z
ทำไมผู้คนถึงลงทุนใน Crypto โดยเฉพาะคนรุ่นมิลเลนเนียลและ Gen Z
ตามข้อมูลการอันดับโดย Forbes ในปี 2022 ระบุว่า มีมหาเศรษฐีประมาณ 735 คนในสหรัฐอเมริกา แต่เห็นได้ชัดว่ายังมีคนอีกมากมายที่คิดว่าการเป็นมหาเศรษฐีนั้นเป็นไปได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขายังเด็กหรือมีส่วนร่วมในการลงทุนคริปโต (หรือทั้งสองอย่าง)
โดยบางคนที่สนใจคริปโตเพราะ พวกเขาเชื่อว่ามันเป็นอนาคตของการเงิน หรือชอบแนวคิดของการเงินในรูปกระจายอำนาจ แต่จากการสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่า เหตุผลที่แท้จริงในการขับเคลื่อนนักลงทุนในตลาดคริปโตนั้น พวกเขาเพียงแค่ต้องการทำเงินจากมันเท่านั้น
ด้านนักลงทุนที่มีอายุน้อยมีแนวโน้มที่จะเข้ามาในตลาดคริปโตด้วยเหตุผลนี้มากที่สุด โดยในเดือนสิงหาคม พบว่า 20% ของ Gen Z และ 23% ของคนรุ่นมิลเลนเนียล กล่าวว่าพวกเขาเป็นเจ้าของ bitcoin เทียบเท่ากับเพียง 13% ของผู้ใหญ่ทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา และจากการสำรวจอื่น พบว่า 56% ของผู้ใหญ่ Gen Z และ 54% ของคนรุ่นมิลเลนเนียล มีแนวคิดว่าจะเก็บสกุลเงินดิจิทัลเป็นใช้เป็นแผนในการเกษียณอายุ
ด้านแรง FOMO หรือความกลัวที่จะพลาดโอกาส ดูเหมือนจะผลักดันให้นักลงทุนจำนวนมากนำเงินไปลงทุนในตลาดคริปโต โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่านักลงทุน bitcoin มีการค้นหาสิ่งแปลกใหม่และแนวโน้มในการติดพนันที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ชาวอเมริกาที่ลงทุนนั้นต้องการที่จะเป็นมหาเศรษฐีและคิดว่าพวกเขาสามารภทพได้จากการลงทุนในคริปโต โดยประมาณ 70% ของผู้ตอบแบบสำรวจมองว่า มหาเศรษฐีต้องมีความรับผิดชอบในการปรับปรุงสังคม แต่เท่านั้นยังไม่เพียงพอ โดย 2 ใน 3 กล่าวว่าควรเก็บภาษีในกลุ่มคนรวยให้มากขึ้น
และประเด็นที่สำคัญจาก จากการสำรวจนั้นพบว่า 65% ของคนอเมริกันคิดว่า มหาเศรษฐีที่ไม่จ่ายภาษีเป็นเรื่องที่เหมาะสม ส่วน 58% คิดว่ากิจกรรมของมหาเศรษฐีมีส่วนทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นถึง และ 58% ไม่พอใจการสะสมความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีในช่วงการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ 42% คิดว่ามหาเศรษฐีไม่ควรได้รับอนุญาตให้ซื้อธุรกิจในอุตสาหกรรมสื่อ (เช่น หนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ข่าว) หรือโซเชียลมีเดีย (เช่น Twitter)และ 28% บอกว่ามหาเศรษฐีไม่ควรโพสต์บนโซเชียลมีเดียเลย
ที่มา : money