<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

กูรูการเงินเผย 4 ประเด็นหลักที่น่าจับตาประชุมเฟดคืนนี้ อะไรคือสิ่งที่นักเทรด Crypto ควรรู้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในขณะที่นักลงทุนทั่วโลกต่างกำลังพุ่งความสนใจไปยังการประชุม Fed ที่ใกล้เข้ามาทุกที คุณกอบศักดิ์ ภูตระกูล นักเศรษฐศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและตลาดทุน ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ได้ออกมาโพสต์บทวิเคราะห์การประชุม Fed บน facebook ส่วนตัวแล้วเมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้

คุณกอบศักดิ์เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามว่า “การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed นั้นเพียงพอแล้วหรือไม่ ถ้ายังไม่พอ ควรจะต้องเพิ่มอีกเท่าไร” เนื่องจากในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ จากกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ราคาของ Bitcoin ได้ลดลงถึง 20% จาก 25,000 ดอลลาร์ จนอยู่ในจุดที่ต่ำกว่า 19,000 ดอลลาร์ รวมถึงราคาของ Ethereum ที่ลดลง 30% จาก 2,000 ดอลลาร์ ลงมาจนเกือบถึง 1,300 ดอลลาร์ โดยคุณกอบศักดิ์ได้ให้ความเห็นว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นการปรับตัวที่ “ไม่ธรรมดา” เพราะการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกันในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงประมาณ 1 เดือน

สำหรับการประชุม Fed ที่มีกำหนดการประกาศผลในเวลา 1.00 น. ของวันที่ 22 กันยายนนี้ คุณกอบศักดิ์กล่าวว่ามี 4 ประเด็นหลักที่ควรจับตามองเป็นพิเศษในการประชุม

แน่นอนว่าประเด็นแรก คือ ผลการประชุม ที่น่าจับตามองว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเท่าไร โดยตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์กันไว้ว่าจะปรับขึ้นไปที่ +0.75% ขณะที่คุณกอบศักดิ์ตั้งคำถามว่ามีโอกาสหรือไม่ที่ Fed จะสร้างความตกใจให้กับตลาดโลกด้วยการขึ้นไปจนถึง +1.00% และจุดที่สำคัญเช่นกันในประเด็นนี้ ก็คือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวได้รับมติเป็นเอกฉันท์ในที่ประชุมหรือไม่ และเสียงที่แตกนั้นกล่าวถึงในทิศทางใด เพราะทิศทางของเสียงที่แตกจะบอกอนาคตได้บางส่วน

ประเด็นที่สอง คือ Dot Plot หน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งข้อมูลนี้น่าจับตามองเนื่องจากมีนัยยะกับระดับดอกเบี้ย โดยตามที่ตลาดคาดการณ์จาก Fed ว่าในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า อัตราดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ 3.8% นั้นถือว่าเพียงพอแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่พอ ควรจะต้องเพิ่มไปอีกเท่าไร และถ้าเพิ่มไปเป็น 4.47% ใน 6 เดือนข้างหน้าจะนับว่าเพียงพอแล้วได้หรือไม่

ทั้งนี้ Dot Plot จะมีนัยยะกับขนาดของการขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไป เนื่องจากยังเหลือการประชุมอีกเพียง 2 ครั้ง ซึ่งนักลงทุนสามารถถอดรหัส Fed โดยนำ 2 หารระดับดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2565 แล้วประเมินคร่าว ๆ ว่า การประชุมที่เหลือแต่ละครั้ง Fed จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเท่าไร

“ถ้ายังขึ้นอีก +1.0% ใน 2 การประชุมที่เหลือ ตลาดก็จะดีใจในประเด็นนี้ แต่ถ้าเกินกว่านั้นก็หมายความว่าจะต้องมี +0.75% อีกครั้ง” คุณกอบศักดิ์กล่าว

ประเด็นที่สาม คือ ประมาณการณ์เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร โดยจากข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับมา คุณกอบศักดิ์ชี้ให้เห็นตามมุมมองของ Fed ที่กำลังจับตาประเด็นของเงินเฟ้อ เพราะถ้าอัตราเงินเฟ้อไม่ลดลงมา Fed จะต้องคงดอกเบี้ยไว้นานพอสมควร ดังนั้นสถานการณ์นี้จะมีผลกระทบต่อราคาน้ำมันโลกและราคาโลหะต่าง ๆ ซึ่งคุณกอบศักดิ์ก็ได้ตั้งข้อสงสัยในประเด็นนี้ว่า Fed จะสามารถช่วยให้เงินเฟ้อลงเร็วกว่าที่เคยคาดหรือไม่ รวมทั้งจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในช่วง 2 เดือนล่าสุด ที่ลดจาก 9.1% ลงมาเป็น 8.5% และ 8.3% ทาง Fed พอใจแล้วหรือไม่ หรือกำลังมองหาอะไรจากการที่เงินเฟ้อเริ่มปรับตัว

ขณะเดียวกัน ในด้านของ GDP ก็น่าจับตามอง เพราะประเด็นที่ทั่วโลกกำลังอยากรู้คือ Fed มองว่าเศรษฐกิจจะแย่แค่ไหน และแย่นานเพียงไร เพราะล่าสุด GDPNow ได้ปรับลดอัตราการเจริญเติบโต Q3 ของสหรัฐฯ จนเหลือเพียง 0.3% และนอกจากนี้ประธาน Fed อย่าง Jerome Powell จะพยายามดำเนินการ Soft landing ต่อหรือไม่ หรือจะมุ่งไปที่ Hard Landing เพื่อจัดการเงินเฟ้อให้สำเร็จ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงานในสหรัฐฯ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะมีส่วนช่วยให้ตลาดสามารถประเมินจุดวกกลับของดอกเบี้ย Fed ได้

สำหรับประเด็นสุดท้าย คือ ภาษาที่ Fed เลือกใช้เป็นอย่างไร โดยเฉพาะคำกล่าวในงานแถลงข่าว เพราะเมื่อ Jerome Powell ถูกกดดันจากนักข่าว เขามักจะหลุดปากพูดประเด็นสำคัญบางอย่างออกมาเสมอ โดยตลาดจะพยายามประเมินจากภาษาที่เขาใช้ว่าประธาน Fed เอนเอียงไปทางไหน และจะพยายามฟังว่า Powell จะมีกลยุทธ์ใดในการต่อสู้กับสถานการณ์เงินเฟ้อครั้งนี้

“หาก Powell ย้ำสิ่งที่เขาเคยพูดไปเมื่อปลายสิงหาคม ทุกคนก็ต้องทำใจ เพราะ Fed คงจะไม่เมตตา ทุกคนต้องรับกับผลกระทบที่จะเกิดเอง ทั้งนักลงทุน ทั้งนักธุรกิจ ทั้งแรงงาน แม้กระทั่งรัฐบาลใน Emerging Markets” คุณกอบศักดิ์กล่าวไว้ในส่วนท้ายของโพสต์

4 ประเด็นที่กล่าวมาทั้งหมดในข้างต้นนี้ คือ มุมมองจากคุณกอบศักดิ์ ภูตระกูล อีกหนึ่งบุคคลสำคัญในวงการเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นมุมมองที่เต็มไปด้วยข้อคิดและคำถามที่ชวนให้จับตามองรายละเอียดการตัดสินใจของ Fed อันจะเป็นตัวบ่งบอกทิศทางของตลาดโลก รวมถึงท่าทีของ Fed ที่จะนำมาซึ่งความผันผวนในตลาดหุ้น ตลาดการเงิน และตลาดคริปโตฯ

ที่มา: กอบศักดิ์ ภูตระกูล