<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เผย 5 ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อราคา Bitcoin ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ราคา Bitcoin ได้เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่มาด้วยสภาพแวดล้อมระดับมหภาคที่ตกต่ำย่ำแย่ ซึ่งได้เห็นจากราคา Bitcoin ปิดที่ระดับต่ำสุดรายสัปดาห์ ในรอบเกือบ 2 ปี

ขณะเดียวกันสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็เริ่มแข็งค่าขึ้น ส่วนเหรียญคริปโตพี่ใหญ่อย่าง Bitcoin เองก็อยู่ในภาวะที่อ่อนแอไม่แพ้กัน

สำหรับเดือนกันยายนของปีนี้ ราคา Bitcoin ได้ร่วงดิ่งลงหนักมาก จนนักเทรดต่างยกให้เดือนนี้ว่าเป็น “Septembear” เลยทีเดียว ซึ่งสวนทางกับราคา Bitcoin ในเดือนกันยายนของปีก่อน ๆ 

ซึ่งเรื่องราวต่อไปนี้ที่ทางสยามบล็อกเชนจะมานำเสนอก็คือ ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค ที่จะมาเป็นตัวกำหนดราคา Bitcoin ว่าจะเป็นไปในทิศทางไหนอย่างไรต่อไป  

กราฟราคารายสัปดาห์ของ Bitcoin เหมือนกับพฤศจิกายน ปี 2020

ถึงแม้ว่าการร่วงลดลงของราคา Bitcoin ในสัปดาห์นี้จะไม่ได้รุนแรงเทียบเท่ากับมูลค่าที่ลดลงเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ราคา Bitcoin นั้นดูเหมือนว่ายังคงเป็นราคาที่ค่อนข้างต่ำมาก หากนับตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2020

การที่ราคาของ Bitcoin ยังคงวงเวียนอยู่แถว ๆ เดียวกับแนวรับเดิมในอดีตนั้นไม่ใช่สิ่งที่นักลงทุนหลายคนพึงพอใจเท่าไหร่นัก

“ราคา BTC เพิ่งปิดกราฟรายสัปดาห์ที่จุดต่ำสุดในโซนนี้” SB Investments นักวิเคราะห์ คริปโต บน Twitter กล่าวพร้อมตั้งข้อสังเกตว่า

“ดูการร่วงของหุ้น ที่ใกล้จะทะลุแนวรับนั่นสิ แต่นี่คือสิ่งที่ทุกคนคาดหวังไว้แล้วอะเนาะ”

อย่างไรก็ตามนักเทรดชื่อดังบนทวีตเตอร์อย่าง Omz ได้ออกมาแบ่งปันมุมมองการวิเคราะห์ที่แตกต่างออกไป โดยกล่าวว่า ราคา Bitcoin นั้นเพิ่งปิดราคา ใน TF รายสัปดาห์ที่ราคา 18,800 ดอลลาร์ และดัชนี RSI เพิ่งส่งสัญญาณ Bull Divergance นั่นแสดงถึงราคาอาจจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดที่เป็นไปได้แล้ว

ด้านนักเทรด JACKIS ก็ได้ออกมาแชร์มุมมองวิเคราะห์ราคา Bitcoin ในมุมมองที่เอนเอียงไปทางฝั่ง Upside เช่นเดียวกัน โดยเขาได้ใช้ Indicator ยอดนิยมอย่าง RSI และค้นพบสัญญาณ Bullish Divergence ที่เกิดขึ้นในราคา Bitcoin เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ในขณะที่นักเทรด IncomeSharks มองว่า ราคา Bitcoin อาจจะเริ่มตัวมาพร้อมกับการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้

นักเทรดรายนี้กล่าวว่า “ราคาลงลิฟต์ และค่อย ๆ ขึ้นบันได ดูที่ฐานที่กำลังสร้าง Double Bottom สิ  ดูเหมือนมันกำลังสร้างแนวรับใหม่ต่อไป และช่วงขาขึ้นในระยะกลางนั้นยังคงอยู่”

การแข็งค่าของเงินดอลลาร์กำลังทำลายล้างตลาดสกุลเงินทั่วโลก

วันจันทร์ได้เริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางความวุ่นวายของเศรษฐกิจมหภาคที่ต่อเนื่องมาจากสัปดาห์ที่แล้ว 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ไม่หยุดนิ่งกำลังทำให้สกุลเงินของประเทศอื่นได้รับผลกระทบไปด้วย โดยเงินปอนด์สเตอร์ ราคาร่วงลง 5% มาอยู่ในจุดที่เท่าเทียมกันกับค่าเงินดอลลาร์ นับเป็นระดับที่ต่ำที่สุดที่เคยมีมา

ด้าน คู่เงิน EUR/USD ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 0.96 ดอลลาร์ในช่วงสั้นๆ ก่อนดีดตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ USD/JPY ยังคงใกล้ระดับสูงสุด นับตั้งแต่ปี 1990 แม้ว่าญี่ปุ่นจะเข้ามาแทรกแซงค่าเงินก็ตาม

ในขณะเดียวกัน นักวิจารณ์ตลาด Holger Zschaepitz ได้มีการเตือนเกี่ยวกับพันธบัตรทั่วโลก ซึ่งได้ลดระดับกลับไปสู่ระดับเดียวกับปี 2020 

“ดูเหมือนว่าฟองสบู่ของตลาดตราสารหนี้จะแตก และมูลค่าพันธบัตรทั่วโลกก็ร่วงลงอีก 1.2 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ ทำให้ผลขาดทุนรวมจากระดับสูงสุดอยู่ที่ 12.2 ล้านดอลลาร์” 

และด้านน้ำมันดิบเบรนต์ร่วงลงต่ำกว่า 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2022

“พันธบัตรทั่วโลกกำลังทรุดตัวลง ซึ่งสกุลเงิน fiat ทั่วโลกกำลังพังทลายเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และสูญเสียกำลังซื้ออย่างรวดเร็ว” Saifedean Ammous ผู้เขียนหนังสือยอดนิยมอย่าง “The Bitcoin Standard” และ “The Fiat Standard”  กล่าว

“อาจต้องใช้เวลานานหลายเดือนและหลายปีกว่าที่ผู้ใช้ทั่วไปจะรู้ว่า ระบบการเงินของพวกเขาถูกทำลายเสียหายไปมากแค่ไหน

ด้วยการที่อุตสาหกรรมคริปโตยังคงมีความสัมพันธ์กับทิศทางหุ้นอย่างมากและมีความสัมพันธ์ที่ผกผันอยู่กับค่าเงินดอลลาร์ ดังนั้นแนวโน้มราคา Bitcoin จึงดูเหมือนว่าจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ดีนัก

ดัชนีราคาผู้บริโภคในเขตยูโร (CPI) มีกำหนดการที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลของสหรัฐฯ (PCE) น่าจะตรงกันข้ามกับแนวโน้มขาลงของสหรัฐฯ ซึ่งเริ่มขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ในขณะเดียวกัน ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ยังไม่มีสัญญาณของการกลับตัว ซึ่งตอนนี้ได้ทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2002

นักลงทุนคริปโตถือเหรียญระยะยาวเพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางช่วงตลาดหมี

ท่ามกลางตลาดขาลงของคริปโตที่เกิดขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุน Bitcoin จะเพิ่มสูงขึ้นและนักลงทุนระยะยาวก็ไม่อยากที่จะขายเหรียญที่ตนถืออยู่ทิ้งไป

การถือครองเหรียญอย่างยาวนานนั้น ถือเป็นอีก 1 กลยุทธ์ที่โดดเด่นของนักลงทุนท่ามกลางช่วงตลาดหมี ซึ่งข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ความคิดนั้นเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากอีกครั้งในปีนี้

ตามข้อมูลตัวชี้วัด Coin Days Destroyed (CDD) ของบริษัทวิเคราะห์คริปโต Glassnode พบว่า :

“ปริมาณวันที่เหรียญ Bitcoin ทั้งหมดที่ถูกทำลายในช่วง 90 วันที่ผ่านมานั้นได้ร่วงแตะจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์” 

“สิ่งนี้บ่งชี้ว่าเหรียญที่มีการถือครองมากเป็นเวลานานหลายเดือนถึงหลายปีนั้นอยู่เฉยๆ นานที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

ตัวชี้วัด Coin Days Destroyed (CDD)  หมายถึงจำนวนวันของกระเป๋าเงิน Address ที่อยู่เฉยๆ จะถูกลบออกไปเมื่อ BTC ถูกย้ายออกจากกระเป๋าเงินหลังจากช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งเมื่อ CDD มีค่าสูง ซึ่งสิ่งนี้จะแสดงให้เห็นว่า เหรียญที่เก็บไว้ระยะยาวกำลังมีการเคลื่อนไหวอยู่ 

นอกจากนี้ Glassnode ยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมด้วยว่า ตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงจำนวนเหรียญที่มีการถือครองนานอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นนั้นได้พุ่งขึ้นแตะระดับ ATH ที่ 86.3% เมื่อเปรียบเทียบจากมูลค่าความมั่งคั่งของเงินดอลลาร์กับอุปทานเหรียญ Bitcoin ทั้งหมด

เจ้ามือรายใหญ่ยังคงเป็นตัวกำหนดแนวรับและแนวต้าน

นักวิเคราะห์คริปโตหลายคน กำลังพิจารณากันว่า การเคลื่อนไหวของตลาดคริปโตนั้นมีเจ้ามือรายใหญ่เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่

ช่วงการซื้อขายในปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงโซนราคาที่น่าสนใจ และดูเหมือนจะสอดคล้องกับการทำธุรกรรมของเจ้ามือรายใหญ่ในอดีต

“การสะสม Bitcoin ที่ราคา $19,000-18,000 ถือเป็นกุญแจสำคัญของ  BTC” บัญชีทวีตที่ติดตามการทำธุรกรรมของเจ้ามือ Whalemap ได้เขียนสรุปไว้เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว

กราฟราคา Bitcoin ได้แสดงให้เห็นถึงระดับแนวต้านของเจ้ามือรายใหญ่ ที่จำกัดให้ราคา Bitcoin วนเวียนอยู่ในโซนราคา $20,000

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขจากบริษัทวิจัยคริปโต Santiment ยืนยันว่า การเปิดเผย BTC ของเจ้ามือรายใหญ่โดยรวมนั้นลดลงเหลือระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี

ความเชื่อมั่นของตลาดเข้าสู่โหมด “กลัวสุดขีด” เป็นสัปดาห์ที่ 2

ความเชื่อมั่นของตลาด crypto ได้กลับเข้าสู่เข้าโหมด “กลัวสุดขีด” มานานกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว

ตามดัชนี Crypto Fear & Greed ซึ่งเป็นเครืองมือ ในการวัดความเชื่อมั่นของตลาด crypto

เมื่อวันที่ 26 กันยายนดัชนี Fear & Greed Index ได้บันทึกคะแนนความเชื่อมั่นของตลาดคริปโตไว้อยู่ที่ 21/100 โดยที่คะแนนที่ 25/100 ถือเป็นโซนที่บ่งบอกถึง ความกลัวสุดขีด

ซึ่งสำหรับในปีนี้ต้องยอมรับเลยว่า อารมณ์ของตลาดที่ระดับ  “กลัวอย่างสุดขีด” นั้นยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมาในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

ที่มา : cointelegraph