<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

[บทวิเคราะห์] เงินดอลลาร์แข็งค่าพุ่งแตะ 38 บาท สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อตลาด Crypto อย่างไร ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ปรับตัวแข็งค่าที่สุดในรอบ 20 ปี ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก ไม่เพียงแต่ตลาดคริปโตเท่านั้น ตลาดหุ้น รวมไปถึงราคาน้ำมันได้ตกลงไปถึง 2.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นับเป็นการร่วงลงของราคาน้ำมันที่ต่ำที่สุดในรอบ 9 เดือน

การปรับตัวของค่าเงินดอลลาร์ในครั้งนี้ เกิดจากการที่สหรัฐฯต้องการชะลออัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในรอบหลายปี ธนาคารกลางสหรัฐฯ จึงมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% และนอกจากนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯสาขาครีฟแลนด์ยังออกมากล่าวเมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมาด้วยการสัญญาณบอกใ้บ้เป็นนัย ๆ แล้วด้วยว่า ทางธนาคารกลางจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนถึงปีหน้า

ใครได้รับผลประโยชน์?

สำหรับผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ นอกจากนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐฯ ที่สามารถลดค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวจากการที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าได้แล้ว ผู้ประกอบการที่รับสินค้านำเข้า จากต่างประเทศที่ขนเข้ามาขายในสหรัฐฯ ยังจะได้ต้นทุนที่ถูกลงอีกด้วย

ทางด้านสหรัฐฯเองก็ได้ใช้ประโยชน์จากการปรับลดราคาของสินค้าภายในประเทศ ทำให้สามารถควบคุมภาวะเงินเฟ้อได้ดีขึ้น แม้การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อระบบเศรษฐกิจของทั้งโลกก็ตาม

ด้านผู้ที่ถือครองเงินสกุลดอลลาร์ และผู้ที่ถือครอง stablecoin อย่าง USDT ที่ตรึงราคาไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐฯตั้งแต่เมื่อก่อนหน้าการปรับค่าเงินเองก็ได้รับประโยชน์จากการที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเช่นกัน

ใครเสียประโยชน์บ้าง?

แม้การขึ้นของค่าเงินในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะส่งผลต่อดีชาวสหรัฐฯ แต่สำหรับภาคธุรกิจของสหรัฐฯแล้ว พวกเขาก็ได้รับผลกระทบแง่ลบเช่นกัน ในขณะที่ราคาสินค้านำเข้าถูกลง ผู้ประกอบการชาวสหรัฐฯจำเป็นต้องลดราคาสินค้าของตัวเองลงเพื่อแข่งขันกับสินค้านำเข้า ทำให้ได้กำไรน้อยลงตามไปด้วย ทั้งประเทศต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องชำระหนี้ด้วยสกุลเงินดอลลาร์ จะต้องชำระหนี้ในราคาที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินของตัวเอง

นักลงทุนในคริปโตเคอเรนซีสกุลต่าง ๆ นอกประเทศสหรัฐฯก็เป็นผู้เสียประโยชน์จากการที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เนื่องจากพวกเขาจำเป็นต้องซื้อเหรียญคริปโตสกุลต่าง ๆ ในราคาที่สูงขึ้น จากการที่ราคาของคริปโตเคอเรนซีที่ถูกยึดกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ และการที่ธนาคารการปรับอัตราดอกเบี้ย ยังส่งผลทำให้เม็ดเงินหลั่งไหลออกจากตลาดทุนทำให้มูลค่าของคริปโตเคอเรนซีสกุลต่าง ๆ ต่างก็ลดลงตาม

สกุลเงินดิจิทัลกับผลกระทบจากแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

การปรับตัวแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์ในครั้งนี้ อาจส่งผลให้หลาย ๆ ประเทศตระหนักถึงอิทธิพลของเงินดอลลาร์ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจโลก และอาจผลักดันให้ประเทศต่าง ๆ เริ่มพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองเพื่อใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต และลดอิทธิพลของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯที่มีต่อระบบเศรษฐกิจลง

โดยประเทศที่เริ่มมีการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ออสเตรเลีย รัสเซีย และจีน โดยรัสเซียและจีนได้มีการทดลองซื้อขายด้วยสกุลเงินหยวนดิจิทัลเป็นที่เรียบร้อย และรัสเซียก็มีแผนการในการพัฒนาสกุลเงินรูเบิลดิจิทัลในการค้ากับต่างประเทศเมื่อไม่นานมานี้

ในอีกด้านหนึ่ง Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่จัดอยู่ในหมวดหมู่สินทรัพย์มีความเสี่ยงสูง มักจะมีการเคลื่อนไหวราคาที่สัมพันธ์ที่ผกผันอยู่กับดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (DXY) อยู่เสมอ เพรา เมื่อค่าเงินดอลลาร์เพิ่มสูงขึ้น นักลงทุนมักเลือกที่จะตัดสินใจโยกย้ายเงินไปลงทุนไปเก็บไว้ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าอย่างเงินสกุลดอลลาร์ ทำให้ Bitcoin มีมูลค่าลดต่ำลง

นักลงทุนคริปโตควรเตรียมวิธีรับมืออย่างไร ?

การปรับตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อภาคการลงทุน รวมถึงคริปโตเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า การลงทุนคริปโตนั้น จำเป็นต้องทำการลงทุนผ่านเงินสกุลดอลลาร์ ในช่วงเวลานี้ ตลาดคริปโตจึงอาจจะไม่ได้อยู่ในสภาวะที่น่าลงทุนเท่าที่ควร เนื่องจากตลาดคริปโต ยังคงมีความสัมพันธ์ที่สอดคล้องอยู่กับตลาดหุ้นของสหรัฐฯ และตอนนี้ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานลดลงไปอีก

การลงทุนในคริปโต หรือแม้กระทั่งหุ้นในระยะนี้ จึงเหมาะแก่การลงทุนในระยะสั้น คือ ซื้อเมื่อราคาลงและขายเมื่อราคาขึ้นในทันที ไม่เหมาะสมกับการลงทุนในระยะยาว เพราะหากเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงในอนาคต ผู้ที่สะสมเหรียญคริปโตในช่วงนี้จะเสียเปรียบจากการที่คริปโตเหรียญที่มีมูลค่าลดลง

อ้างอิง: