ภายหลังการอัปเกรด The Merge ของ Ethereum ส่งผลให้เกิดความคาดหวังของโอกาสในการทำกำไรในอนาคตของนักลงทุนจำนวนมากด้วยความเป็นไปได้ที่เครือข่ายใหม่จะดึงดูดผู้ใช้งานใหม่เข้าสู่แพลตฟอร์มจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามด้วยการตกต่ำของตลาดในช่วงเริ่มต้นภายหลังการเปลี่ยแปลงกลไกฉันทามติจาก Proof-of-Work สู่ Proof-of-Stake ส่งผลให้นักลงทุนที่คาดหวังผลกำไรต่างไหลออกจากตลาดเป็นจำนวนมาก
จากข้อมูลของ CoinMarketCap ในวันที่ 15 กันยายน 2022 Ethereum มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1.9589 แสนล้านดอลลาร์คิดเป็นการสูญเสียกว่า 19.22% สู่ 1.5823 แสนล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงฉันทามติเกิดขึ้น ทำให้สินทรัพย์สูญเสียมูลค่าไปมากถึง 3.766 หมื่นล้านดอลลาร์
ในเวลาเดียวกันมีการพบเห็นการไหลออกของเงินทุนจำนวนมากใน Ethereum เมื่อมีระดับราคาอยู่ใกล้ 1,300 ดอลลาร์ โดยปัจจุบันพบเห็นการซื้อขายของ ETH อยู่ที่ระดับราคา 1,293 ดอลลาร์ ซึ่งลดลงต่ำกว่า 23% จากระดับราคาที่บันทึกไว้ก่อนการอัปเกรดเครือข่าย
นักลงทุนผิดหวังแม้ The Merge ผ่านฉลุย
The Merge ช่วยกระตุ้นความสนใจใน Ethereum ได้มากขึ้นหลังจากที่เครือข่ายเปลี่ยนไปใช้โปรโตคอล PoS อย่างเป็นทางการ ซึ่งส่งผลให้อุปทานหมุนเวียนกลับคืนสู่สภาวะเงินฝืดและดึงดูดเงินทุนจากนักลงทุนรายใหญ่อีกครั้ง
การไหลออกของเม็ดเงินจำนวนมากเป็นหนึ่งตัวชี้วัดว่าการอัปเกรด The Merge ไม่เป็นไปตามที่นักลงทุนคาดหวังไว้ แม้ว่าจะมีนักลงทุนบางรายคาดว่าการอัปเกรดจะมีผลดีในระยะยาวก็ตาม
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยอีกมากมาย เช่น Ethereum และตลาด crypto ส่วนใหญ่ยังคงเผชิญหน้ากับปัจจัยทางเศรษฐกิจมหาภาค ซึ่งส่งผลให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเกือบทั้งหมดตกอยู่ในตลาดหมีต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ความไม่แน่นอนของกฎระเบียบ
นอกจากนี้ Ethereum กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบโดยถูกพิจารณาว่าเป็นโทเคนความปลอดภัยหรือไม่
Gary Gensler ประธาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้สินทรัพย์ PoS อาจนำไปสู่การคาดหวังจากนักลงทุนที่อาจตั้งใจจะทำกำไร ดังนั้นหลังจากการอัปเกรด The Merge นักลงทุนส่วนหนึ่งคาดว่า Ethereum จะเป็นเป้าหมายต่อไปของสำนักงาน ก.ล.ต.
อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือหลังจากการอัปเกรดเสร็จสิ้นเรียบร้อยตามความคาดหวังของนักลงทุนที่ต้องการเห็นว่า Etherum มีประสิทธิภาพเหนือ Bitcoin แต่ก็ยังคงเห็นเม็ดเงินจำนวนมากไหลออกจากสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกอย่างต่อเนื่อง