นาย Vaitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ได้บอกว่าการเปิดตัว Stablecoin ของโปรเจค Terra ในปีนี้ส่งผลกระทบต่อความ Decentralized ของ Cryptocurrency
ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ The New York Times นาย Vaitalik Buterin บอกว่า หลังจากเหตุการณ์ของ Mt.Gox ในปี 2014 ทำให้ตอนนี้คริปโตกำลังเริ่มเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง
นาย Vaitalik Buterin ได้บอกว่า การแฮ็กตัวกลางแบบรวมศูนย์กระตุ้นให้คนหันมาใช้ตัวกลางแบบกระจายศูนย์มากขึ้น ซึ่งทุกอย่างกำลังจะไปได้ดีจนทั้งเกิดการล่มสลายของโปรเจค Terra ในเดือนพฤษภาคม
“คุณไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางแบบ Centralized ในการซื้อสินทรัพย์ต่าง ๆ ในโลกคริปโตและผมคิดว่าทุกอย่างมันกำลังจะดีขึ้นแล้ว แต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อเกิดการล่มสลายของโปรเจค Terra ในเดือนพฤษภาคม และผมคิดว่าล่มสลายของโปรเจค Terra ประกอบด้วย 2 สาเหตุ ก็คือกลไกการทำงานของเหรียญ LUNA และปัญหาจากเศรษฐกิจที่ในช่วงนั้นไม่ค่อยดี”
นาย Vaitalik Buterin ได้บอกว่า โปรเจค Terra มีความ Decentralized แต่มีผู้ควบคุมมันมากเกินไป โดยได้พูดถึงการที่ความพยายามของโปรเจค Terra ที่พยายามใช้ Bitcoin ในการรองรับเหรียญ UST
“ไม่มีใครรู้ว่าทีมงานของโปรเจค Terra ทำยังไงกับ Bitcoin ของพวกเขา และพวกพยายามที่จะรวมศูนย์มันมาก ๆ โดยเขาต้องการที่จะรวมศูนย์เพื่อที่จะควบคุมตลาดและหนุนเหรียญของพวกเขา แต่สุดท้ายทุกอย่างมันก็พัง ดังนั้นผมถึงคิดว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่มีประโยชน๋ มันแสดงให้เห็นว่ากระจายอำนาจมันไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาทุกอย่าง”
ไม่ว่าทีมงานของโปรเจค Terra จะทำอะไรในเงามืด แต่ทางนาย Buterin ก็เน้นย้ำว่า ความโปร่งใสของบล็อกเชนเป็นสิ่งที่จะบอกถึงอนาคตของมันเอง
“เพราะถ้าอัลกอริธึมไม่ดี แต่มีความโปร่งใส ผู้คนจำนวนมากก็จะเห็นว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น และสามารถเตือนกันเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้”
สามารถอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่นี่
Source : DailyHodl