<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

CEO ของ Circle ลั่น “พวกเราต้องการเป็นกองทุนสำรองดิจิทัลของธนาคารกลาง”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC ในรายการ Crypto World เมื่อเร็ว ๆ นี้ นาย Jeremy Allaire ผู้ร่วมก่อตั้ง  และ CEO บริษัท Circle Internet Financial ผู้ออกเหรียญ stablecoin ชื่อดังอย่าง USD Coin (USDC) ได้เปิดเผยถึงเป้าหมายในระยะยาวของบริษัท

ตามรายงาน  Jeremy Allaire ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับนาง Kate Rooney พิธีกรจากสำนักข่าวของ CNBC ว่า:

“พวกเราต้องการเป็นกองทุนสำรองดิจิทัลของธนาคารกลางอย่างเต็มรูปแบบ พวกเราต้องการสร้างกรอบสำหรับสิ่งนั้นเพื่อสร้างมันขึ้นมา พวกเราต้องการยื่นขอใบอนุญาตหากมีใบอนุญาตนั้น… พวกเราคิดว่าโลกนี้ต้องการระบบธนาคารกลางแบบเต็มรูปแบบ พวกเราคิดว่าโลกนี้ต้องการเงินที่จะเป็นฐานที่มีความปลอดภัยอย่างที่ stablecoin ได้เป็นอยู่ในตอนนี้ และหากนั่นกลายเป็นสิ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นผู้ดูแล และพวกเราเป็นผู้มีสิทธิ์และดำเนินการพร้อมทั้งมีการกำกับดูแลควบคู่ไปด้วย นั่นเป็นสิ่งที่พวกเราต้องการจะทำ”

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา CEO ของ Circle ได้อธิบายว่าทำไมผู้ที่ถือครองเหรียญ StableCoin ของ USD Coin (USDC) จึงไม่ควรเป็นกังวล หลังจากการล่มสลายของระบบนิเวศ Terra

ตามที่นาย Jeremy Fox-Geen ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินได้โพสต์ไว้ในบล็อกของเขาในหัวข้อ “ความเชื่อมั่นและความโปร่งใสของ USDC – ว่าด้วยเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน” เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนว่า “สถาบันทางการเงินต่าง ๆ ที่มีการเตรียมเปิดให้บริการกู้ยืมเงินนั้นกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง” นับตั้งแต่เมื่อ “พวกเขาแบกรับความเสี่ยงด้านเครดิต (ผู้ยืมอาจเบี้ยวนัดชำระหนี้), ความเสี่ยงด้านตลาด (หลักประกันเงินกู้อาจสูญเสียมูลค่า), ความเสี่ยงด้านระยะเวลา (ความไม่ตรงกันของการให้เงินกู้ระยะยาวและการฝากถอนเงินในระยะสั้น) ท่ามกลางความเสี่ยงเหล่านี้” สถาบันทางการเงินเหล่านี้ “ กำลังใช้ลงทุนโดยใช้วิธียืมเงินผู้อื่นมากเกินไป”

CFO ของบริษัท Circle ยังกล่าวอีกว่า “ความเสี่ยงเหล่านี้ กำลังรวมตัวกันเพิ่มความเสี่ยงด้านสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สถาบันทางการเงินไม่สามารถจ่ายคืนแก่ผู้ฝากถอนได้ เมื่อดูจากความต้องการและหนี้สินเมื่อครบกำหนด” นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเชื่อว่า “กฎระเบียบที่เข้มแข็งของสถาบันทางการเงินต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งที่ดี” โชคดีที่บริษัท Circle นั้น “เป็นสถาบันทางการเงินที่มีกฎระเบียบ ออกเหรียญ USDC ภายใต้กฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินของสหรัฐฯ และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของผู้ควบคุมดูแลการเงินของรัฐ”

นอกจากนี้เขายังพูดถึงสภาพคล่องทางการเงินของ USDC เอาไว้ด้วยว่า:

“USDC สามารถแลก 1 เหรียญต่อ 1 ดอลลาร์ ไม่ว่าจะแลกจำนวนเท่าไหร่ ตอนไหน เวลาไหน พวกเราสามารถยืนยันได้อย่างมั่นใจเพราะ USDC มีการสำรองระยะสั้นกับธนาคารกลางสหรัฐฯ (ประมาณ 80%) และเงินสด (ประมาณ 20%) เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และได้รับการดูแลโดยตรงจากสถาบันทางการเงินสหรัฐฯ และผู้ดูแลในรัฐต่าง ๆ”

“การสำรองเงิน USDC ไม่มีความเสี่ยงใด ๆ สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องน้อยอย่างสินสรัพย์ดิจิทัล หุ้นเอกชนหรือหุ้นสาธารณะ สินเชื่อที่มีหลังประกันหรือไม่มีหลักประกัน ตั๋วเงินกู้ทุกประเภทหรือการจัดอันดับเครดิต สินทรัพย์ในสกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือที่ถือโดยบุคคลภายนอกที่อาจถูก lock-up หรือมีข้อกำหนดอื่นๆด้านสภาพคล่อง”

อย่างไรก็ตาม CEO ของบริษัท Circle ได้กล่าวในทวิตเตอร์ของเขาเอาไว้เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมว่า:

“ด้วยการที่บริษัทจำนวนมากได้ประสบกับความท้าทายและความเสี่ยงต่าง ๆ บริษัท Circle ได้กระตือรือร้นที่จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตัวบริษัทและเหรียญ StableCoin USDC พร้อมทั้งเผยแพร่ให้ประชาชนทั้วไปได้เห็น โดยพวกเราได้เริ่มเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ภายหลังจากการล่มสลายของ Terra”

“มันเป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมผู้ใช้งานบางคนถึงหวาดระแวง เมื่อพิจารณาจากลักษณะการขายตรงในวงการ Crypto ที่ผ่านมา พวกเรายังคงพยายามรักษามาตราฐานสูงสุดที่พวกเรามี นั่นทำให้พวกเราสามารถร่วมงานกับสถาบันทางกฎหมาย บริษัทประกันชั้นนำ และเป็นผู้นำกลุ่ม FI”

“ยังคงมีความสับสนระหว่างการสำรองเงิน USDC ซึ่งถูกกฎหมาย สามารถทำการตรวจสอบได้ (โดยสถาบันทางกฎหมาย และบริษัทประกัน) และความโปร่งใส (กระแสและองค์ประกอบรายสัปดาห์) และตัว USDC ที่ใช้ในตลาดกู้ยืม ก็ไม่ได้อยู่ในความดูแลของ Circle”

“จุดสุดท้ายคือ: Circle Yield พวกเราจะเผยแพร่ในบล็อคโพสต์ภายในสัปดาห์นี้ แต่สิ่งสำคัญคือ Circle Yield นั้นถูกกฎหมาย มีการค้ำประกันเพียงพอ และเป็นหลักประกันแก่ผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย  มีแนวทาง UW แบบดั้งเดิม พวกเราไม่มีประเด็นปัญหาอะไรที่สุ่มเสี่ยง”

“บริษัท Circle อยู่ในจุดที่มีการเงินแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา และพวกเราจะยังคงทำให้มีความโปร่งใสเพิ่มขึ้น พวกเรายังได้รับการสนับสนุนจากกรอบกฎระเบียบที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อ stablecoin ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ออกเหรียญอย่าง Circle”

ที่มา: Cryptoglobe