<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักวิเคราะห์ ARK Invest เผย 3 เหตุผลที่เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า Bitcoin อาจจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

แม้ราคา Bitcoin จะมีการซื้อขายอยู่ในช่วงระหว่าง 18,000 ถึง 24,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว แต่ล่าสุดใน 2-3 วันที่ผ่านมานี้ เหล่านักเทรดเริ่มสังเกตเห็นถึงโมเมนตัมขาขึ้นครั้งใหม่ ที่เป็นการบ่งชี้ได้ว่า BTC กำลังจะฟื้นตัวกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง

Yassine Elmandjra นักวิเคราะห์ Crypto จาก ARK Invest และ Will Clemente ผู้ร่วมก่อตั้ง Reflexivity Research ได้ร่วมกันสรุปเหตุผลที่เป็นไปได้ว่าทำไมราคา Bitcoin อาจผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแแล้ว

เหตุผลที่ 1 ต้นทุนของผู้ถือ Bitcoin ในระยะสั้นต่ำกว่าเกณฑ์ต้นทุนของผู้ถือระยะยาว

สิ่งนี้เคยเกิดขึ้นเพียง 3 ครั้งก่อนหน้านี้ โดยนักวิเคราะห์อธิบายว่า  ในสถิติที่ผ่าน ๆ มา “จุดที่เส้นตัดกันนี้มักถือเป็นการส่งสัญญาณบ่งชี้ถึงจุดต่ำสุดของราคา Bitcoin”

แม้จะมีการซื้อขายกันไซด์เวย์อยู่ที่ใกล้กับระดับราคาประมาณ 19,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และเส้น Moving average ราย 200 สัปดาห์ที่ 23,500 ดอลลาร์ แต่ข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้ถือ Bitcoin ที่กำลังต่อสู้กับสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และข้อมูลของ Elmandjra ก็ได้มีการระบุด้วยว่า “ไม่ว่าฝ่ายจะชนะ สิ่งนี้จะสะท้อนถึงบทบาทที่สำคัญในระยะสั้นและระยะกลางของ Bitcoin”

เหตผลที่ 2 การยอมแพ้ของเหล่านักขุด

นักวิเคราะห์ยังคงเชื่อว่า การยอมแพ้ของนักขุดมีแนวโน้มที่จะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดโดยจากกราฟของอัตรา Hashrate แสดงให้เห็นว่าเส้น Moving average ในระยะ 30 วัน ได้ตัดข้ามเส้นค่าเฉลี่ยของ Moving average ในระยะ 60 วันอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า แรงเทขายจากฝั่งนักขุดเริ่มเบาบางลงแล้ว

อย่างไรก็ตาม จากรายงานล่าสุดบริษัทวิเคราะห์ด้าน Crypto ชื่อดงอย่าง Glassnode ระบุว่า ราคาปัจจุบันของ BTC ใกล้จะถึงขีดอันตรายแล้ว โดยขณะที่เขียนนี้มีราคาอยู่ที่ประมาณ 18,300 ดอลลาร์ ซึ่งบริษัทได้สรุปว่า สิ่งนี้อาจสร้างปัญหาให้กับนักขุด และส่งสัญญาณถึงความเครียดเฉียบพลันเกี่ยวกับรายได้ในอุตสาหกรรมการขุด Bitcoin ที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ข้อมูลข้างต้นยังได้รับการสนับสนุนโดยรายงานจาก ARK Invest ซึ่งระบุว่ารายได้ของนักขุด BTC ใน 1 ปีลดลงมากถึง 55.7%

เหตุผลที่ 3 อุปทานของผู้ถือ Bitcoin ในระยะยาวที่สูงสุดตลอดกาล

ตัวชี้วัดที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่นักวิเคราะห์กล่าวถึงคือ อุปทานของผู้ถือครองระยะยาว ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 13.7 ล้าน BTC และคิดเป็น 71.5% ของอุปทานหมุนเวียนเหรียญในระบบ อีกทั้งเมื่อนำประเด็นนี้มาประกอบกับความจริงที่ว่าเหรียญที่มีการเคลื่อนไหวบนเครือข่ายรายไตรมาสได้ร่วงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 12 ปี จึงถือเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า นักลงทุนคริปโตต้องการถือ Bitcoin ในระยะยาว ท่ามกลางช่วงขาลง

สิ่งที่ต้องพิจารณาอีกอย่างคือ ความจริงที่ว่าอุปทานในกระดานแลกเปลี่ยน BTC นั้นได้มาถึงจุดที่ต่ำที่สุด นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2018 โดยทาง CryptoPotato ก็ได้มีรายงานออกมาเมื่อวานนี้ด้วยว่า อุปทานเหรียญบนกระดานแลกเปลี่ยนที่ลดลงนั้น เนื่องจากนักลงทุนแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์ในระยะยาว

เหตุผลทั้งหมดข้างต้นควรจะต้องนำมาพิจารณาร่วมกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในระดับมหภาค นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังชี้ให้เห็นด้วยว่า

“เมื่อสัญญาณของภาวะถดถอยเริ่มชัดเจนขึ้น ค่าเงินดอลลาร์ดูเหมือนว่าจะพุ่งขึ้นแบบพาราโบลา ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทั้งหมด รวมถึง Bitcoin ด้วย”

ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ากำลังทำให้ธนาคารเงินยูโรรายใหญ่ตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และอัตราความเสี่ยงที่ธนาคารรายใหญ่อย่าง Deutsche Bank และ Credit Suisse อาจจะผิดนัดชำระหนี้ ก็มาถึงระดับสูงสุดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่วิกฤตทางการเงินในปี 2008

ประเด็นดังกล่าวนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในสาเหตุที่ประเทศต่าง ๆ เริ่มกดดันสหรัฐฯ เนื่องจากต้องการให้หยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่กำลังทวีความรุนแรง และทางสหประชาชาติยังได้แสดงความกังวลด้วยว่า ถ้าหากธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเรื่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกได้

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ที่มา: cryptopotato