ยักษ์ใหญ่ด้านการเงินและการชำระเงินแบบดั้งเดิมระดับโลกอย่าง JPMorgan และ Visa กำลังร่วมมือกันเพื่อปรับปรุงการใช้โซลูชันบล็อกเชนส่วนตัวอย่าง Liink และ B2B Connect เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินข้ามพรมแดน
ตามรายงานของ Forbes เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมระบุว่า เครือข่าย Liink ของ JPMorgan เป็นเครือข่ายที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการโอนเงินข้ามพรมแดน และให้บริการภายใต้แนวคิดริเริ่มด้านบล็อกเชนและการชำระเงินของธนาคาร Onyx ซึ่งทาง Onyx ได้จัดเตรียมแพลตฟอร์มสำหรับสถาบันต่างๆ เพื่อแบ่งปันข้อมูลทางการเงินและตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม
ด้านเครือข่าย B2B Connect ของ Visa เป็นเครือข่ายที่คล้ายกับ Liink ที่สร้างขึ้นสำหรับการใช้งานระดับสถาบัน และในขณะนี้ได้รวมเข้ากับ Confirm ของ Onxy แล้วเป็นที่เรียบร้อย
ในส่วนของ Confirm เป็นผลิตภัณฑ์ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลบัญชี และรับรองว่าฝ่ายที่ทำธุรกรรมจะให้ข้อมูลประจำตัวที่แท้จริงและข้อมูลที่ถูกต้อง ทั้งนี้ Onxy กล่าวว่า Confirm จะสามารถตรวจสอบบัญชีธนาคารได้มากกว่า 2 พันล้านบัญชีจากสถาบันการเงินทั้งหมด 3,500 แห่ง
เมื่อวานนี้มีรายงานว่า J.P. Morgan กำลังมองหากลุ่มธนาคารเพื่อเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งทั่วโลก ในขณะที่กำลังดำเนินการเพื่อเปิดตัว Confirm ใน 10 ประเทศคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ และในปีต่อ ๆ ไปธนาคารมีแผนจะเปิดตัวไปยัง 30 ประเทศทั่วโลก
ยักษ์ใหญ่ด้านการเงินของเยอรมนี อย่าง Deutsche Bank ได้ลงนามในการเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของ Confirm เช่นเดียวกัน
Alex Littleton หัวหน้าฝ่าง Global ของ Confirm ได้อธิบายในแถลงการณ์ว่า “การเติบโตของ Confirm ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากผลกระทบของเครือข่าย” และกล่าวเสริมว่า “การเข้าร่วมของ Deutsche Bank ในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้ง รวมถึงการสร้างการเชื่อมต่อระหว่างบล็อคเชนของ Visa และ B2B จะช่วยเร่งการยอมรับของเราในระดับโลก”
ด้วยการร่วมมือกับ Visa ร่วมกับ JPMorgan และชุดผลิตภัณฑ์บล็อคเชน ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมองหาทางเลือกอื่นนอกเหนือจากระบบการส่งข้อความของ Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunications (SWIFT) ที่ใช้กันทั่วไปเพื่อจัดการและอำนวยความสะดวกในการชำระเงินข้ามพรมแดน
แนวคิดของการชำระเงินข้ามพรมแดนได้รับความสนใจอย่างมากในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ได้เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เป็นไปได้ที่อาจจะใช้เทคโนโลยีบล็อคเชนเพื่อแก้ปัญหาในปัจจุบัน รวมถึงความเร็วและค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมด้วย
ด้านนาย Ravi Menon กรรมการผู้จัดการ Monetary Authority of Singapore กล่าวในการปราศรัยสำคัญว่าสถานะการชำระเงินระหว่างประเทศในปัจจุบันนั้น “ไม่เหมาะกับศตวรรษที่ 21” พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า:
“มันช้า ราคาแพง ไม่โปร่งใสและไม่มีประสิทธิภาพ แถมต้องใช้ตัวกลางอย่างธนาคารที่มีมายาวนาน”
เขาสรุปว่าการขยาย “เครือข่ายการชำระเงินแบบบล็อคเชนของภาคเอกชน” อาจเป็นหนึ่งในวิธีที่เป็นไปได้ในการช่วยแก้ปัญหานี้
ทางฝั่งของ Ripple Labs ก็ได้ดำเนินการกับผลิตภัณฑ์การชำระเงินข้ามพรมแดน On-Demand Liquidity (ODL) ในสัปดาห์นี้ โดยเมื่อวันที่ 11 ต.ค. บริษัทได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัทชำระเงิน Lemonway และผู้ให้บริการโอนเงิน Xbaht ที่จะเห็นทั้งคู่ใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ODL เพื่อให้บริการชำระเงินคริปโตแก่ลูกค้าในฝรั่งเศส ไทย และสวีเดน
ที่มา : cointelegraph