เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา นักเศรษฐศาสตร์อย่าง Peter Schiff ได้ทวีตเกี่ยวกับมุมมองที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยกล่าวว่ ามีสองผลลัพธ์ที่เป็นไปได้จากการดำเนินการของ Fed
ตามคำกล่าวของ Schiff การพยายามลดอัตราเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้ของ Fed ผลลัพธ์หนึ่งนั้นอาจนำไปสู่ “วิกฤตทางการเงินครั้งใหญ่และภาวะเศรษฐกิจถดถอยขั้นรุนแรง” ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหุ้น พันธบัตร และอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำถึงขีดสุด และผลลัพธ์ที่สองคือ “โลกจะหนีจากเงินดอลลาร์”
Schiff ได้อธิบายถึงรายละเอียดของผลลัพธ์ที่หนึ่งว่า “Fed จะประสบความสำเร็จในการกู้คืนอัตราเงินเฟ้อ 2% ขณะที่หุ้น พันธบัตร และอสังหาริมทรัพย์จะพังทลาย รวมถึงอาจนำไปสู่วิกฤตทางการเงินครั้งใหญ่และภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง ซึ่งรัฐบาลอาจเพิกเฉยและดำเนินการลดการใช้จ่าย
ในประเด็นเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่สอง Schiff กล่าวว่า “Fed อาจจะเปลี่ยนทิศทาง การดำเนินการก่อนที่อัตราเงินเฟ้อจะกลับไปเป็น 2% และถ้าหาก Fed ทำเช่นนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตทางการเงินหรือเพื่อตอบสนองต่อวิกฤต อัตราเงินเฟ้อก็อาจจะพุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นสถานการณ์ตรงกันข้ามกับวิกฤตทางการเงินในปี 2008 เนื่องจากคราวนี้โลกจะหนีจากเงินดอลลาร์แทนที่จะวิ่งเข้าหา”
ในทวีตของ Schiff เขายังได้กล่าวอีกว่า “ทุกคนคงรู้เกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงในปี 1970 ที่จะยังไม่สิ้นสุดจนกว่า Volcker จะจริงจังในช่วงต้นทศวรรษ 1980 แต่ในช่วงสิบปีระหว่างปี 1982-1992 ดัชนี CPI ประจำปีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4.43% และ Fed ก็ไม่ได้ทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับลงมาที่ 2% จนกระทั่งหลังวิกฤตทางการเงินในปี 2008”
เป็นที่รู้กันว่า Schiff มักแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ บนโซเชียลมีเดีย โดยในเดือนพฤษภาคม เขาได้เตือนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในสหรัฐฯ ว่า “จะเลวร้ายยิ่งกว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ที่เคยมีมา” และในเดือนสิงหาคม Schiff ยังคงเน้นย้ำว่าสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับ “วิกฤตการเงินครั้งใหญ่ ที่จะเป็นวิกฤตที่ใหญ่กว่าครั้งก่อน ๆ มากเมื่อการเพิกเฉยเริ่มต้นขึ้น”
ต่อมาในเดือนกันยายน เขายังได้ออกมาเตือนอีกว่า “อัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ และจะแย่ลงมากแม้จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องมาจากนโยบายการเงินและการคลังที่อยู่ในสภาวะเงินเฟ้อมานานกว่าทศวรรษ ซึ่งนี่เป็นตลาดที่หยาบคายมากสำหรับเงินดอลลาร์ แต่เป็นตลาดกระทิงสำหรับทองคำ”
นอกจากนี้ Schiff ยังเคยกล่าวอีกด้วยว่า “วันที่เงินเฟ้อต่ำกว่า 2% นั้นได้หายไปแล้ว”
ที่มา: news.bitcoin