<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สุขภาพการเงินของ MicroStrategy เข้าขั้นวิกฤต ! หลังขาดทุนใน Bitcoin มากถึง 129,978 ล้านบาท

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ผู้ก่อตั้งบริษัทซอฟแวร์ MicroStrategy และผู้สนับสนุน Bitcoin ที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่าง Michael Saylor เป็นที่นิยมอย่างมากในชุมชน Crypto โดยเขามักถูกมองว่าเป็นผู้ที่ชื่นชอบ Bitcoin เนื่องจากเขามักกล่าวถึงข้อดีของ Bitcoin อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งความเชื่อมั่นของ Saylor ที่มีต่อ Crypto อันดับหนึ่งนี้สามารถเห็นได้ชัดเจนในงบดุลของ MicroStrategy

อย่างไรก็ตามรายงานล่าสุดของ Forbes ชี้ว่า บริษัทซอฟต์แวร์ของ Saylor อาจเสี่ยงกับการล้มละลาย เนื่องจาก CEO ของบริษัทเสี่ยงดวงกับ Bitcoin มากเกินไป โดยเริ่มต้นมาตั้งแต่ที่ Saylor ตัดสินใจว่าควรลงทุนใน Bitcoin เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อในเดือนสิงหาคม ปี 2020

Saylor ทำให้บริษัท MicroStrategy ได้รับ Bitcoin จำนวนมากกว่า 129,000 BTC และการเข้าซื้อครั้งนี้ก็ได้รับการสนับสนุนทางการเงินทุน ผ่านการเสนอขายหุ้นกู้จำนวน 4 ฉบับ รวมมูลค่ากว่า 2,400 ล้านดอลลาร์ โดยแบ่งเป็นการเสนอขาย 3 ครั้ง คือ สินเชื่อเพื่อมาร์จิ้น 1 ครั้ง และที่เหลือคือการเสนอขายหุ้นกู้มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์

แม้ว่า Saylor จะประกาศลาออกจากตำแหน่ง CEO เมื่อเดือนสิงหาคม แต่เขาก็ไม่ได้หยุดการสะสม Bitcoin โดยในครั้งล่าสุดเขาได้ใช้เงิน 6 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ Bitcoin เพิ่ม ทำให้การถือครองรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 130,000 BTC และมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 3,406 ล้านดอลลาร์

หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ราคาของ Bitcoin ก็ได้ร่วงลงสู่ระดับ 18,300 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดต่ำที่สุดในรอบสองปี และสถานการณ์นี้ก็ได้ทำให้ MicroStrategy รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาระหนี้สินของบริษัท ดังนั้นถ้าหากบริษัทต้องการให้การถือครอง Bitcoin ในปัจจุบันสมเหตุสมผลกับภาระหนี้สิน 2,400 ล้านดอลลาร์ นั้นหมายความว่าราคาของ Bitcoin โดยเฉลี่ยจะต้องเพิ่มขึ้นอยู่ที่เหนือระดับ 18,500 ดอลลาร์

การที่ราคา Bitcoin ร่วงลดลงต่ำกว่าระดับที่ MicroStrategy ต้องการ ทำให้บริษัทขาดทุนมากถึง 26 ล้านดอลลาร์จากการลงทุนของ Saylor อีกทั้งการร่วงลดลงของราคา Bitcoin ยังทำให้การเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์นั้นกลายสิ่งที่ไร้ประโยชน์

ทั้งนี้ MicroStrategy จะต้องเริ่มชำระหนี้ในอีก 17 เดือนต่อจากนี้ โดยในเดือนธันวาคม ปี 2025 บริษัทจะต้องชำระหนี้ครั้งแรกเป็นจำนวน 885 ล้านดอลลาร์ และต้องชำระทั้งหมดภายในช่วงต้นปี 2027

การที่ Saylor ได้เพิ่มจำนวนการถือครอง Bitcoin ของบริษัท ทำให้สถานการณ์ทางการเงินของ MicroStrategy ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของราคาของ Bitcoin อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ธุรกิจซอฟต์แวร์ไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้มากพอ และก่อนที่บริษัทจะทำการซื้อ Bitcoin รายได้จากธุรกิจหลักนี้ก็ไม่น่าประทับใจเท่าไรนัก การเงินของบริษัทจึงตกต่ำมากยิ่งขึ้นในช่วงหลัง ๆ มานี้

ที่มา: en.ethereumworldnews