<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

หุ้นบริษัทเหมืองขุด Bitcoin เบอร์หนึ่งของโลก ร่วงกว่า 97% หลังมีกระแสบริษัทอาจเบี้ยวชำระหนี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หุ้นของบริษัทเหมืองขุด Bitcoin ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาอย่าง Core Scientific ได้ออกมากล่าวถึงความเป็นไปได้ของการล้มละลายของบริษัท ในแถลงการณ์ที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) เมื่อเร็ว ๆ นี้

และบริษัทยังเปิดเผยด้วยว่า จะไม่ชำระหนี้ที่จะถึงกำหนดในปลายเดือนตุลาคมและต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ เนื่องจากหุ้นของบริษัท Core ลดลงมากถึง 77% ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาหลังจากการยื่นฟ้องล้มละลาย และจนถึงปัจจุบันหุ้นบริษัทก็ได้สูญเสียมูลค่าไปแล้วกว่า 97%


นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ผ่านบริษัท SPAC มูลค่าตลาดของหุ้น Core ได้ลดลงจนเหลือเพียงแค่ 90 ล้านดอลลาร์ โดยลดลงจากมูลค่า 4,300 ล้านดอลลาร์เมื่อบริษัทเปิดตัวสู่สาธารณะในช่วงเดือนกรกฎาคม 2021 และต่อมาในปี 2022 หุ้นของบริษัทก็ได้ร่วงลงมากกว่า 97% ทั้งนี้สำหรับกรณีการล้มละลายของหุ้น Core ผู้ถือหุ้นสามัญอาจประสบกับ “การสูญเสียเงินลงทุนไปทั้งหมด”

Core Scientific เหมืองขุด Crypto ที่มีกลไกการทำงานแบบ proof-of-work เช่นเดียวกับ Bitcoin เป็นบริษัทที่อัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เฉพาะทางขั้นสูงที่ประมวลผลสมการทางคณิตศาสตร์เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมพร้อมกับสร้างโทเค็นใหม่ และกระบวนการนี้ก็ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพง ความรู้ด้านเทคนิค และต้องแบกรับค่าไฟจำนวนมหาศาล

โดยหลัก ๆ แล้ว Core เป็นเหมืองขุด Bitcoin ขนาดมหึมา แต่หลังจากราคาของเหรียญ  Bitcoin ได้ลดลงจากระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 69,000 ดอลลาร์ ในเดือนพฤศจิกายน 2021 จนเหลือแค่ประมาณ 20,500 ดอลลาร์ ด้วยมูลค่าที่สูญเสียไปกว่า 70% ประกอบกับค่าไฟที่เพิ่มสูงขึ้นและการแข่งขันในหมู่ธุรกิจเหมืองขุดที่มากขึ้น ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ได้กดดันบริษัท และส่วนต่างกำไรที่ Core ได้รับก็เหินห่างมากขึ้นเรื่อย ๆ

บริษัทขุด Crypto กล่าวว่า “ประสิทธิภาพการทำงานและสภาพคล่องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากราคา Bitcoin ที่ร่วงลดลงเป็นเวลานาน ภาระค่าไฟที่มากขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของอัตรา hash rate ในเครือข่าย Bitcoin ทั่วโลก ทั้งหมดนี้เป็นคำอธิบายพลังในการคำนวณของนักขุดทั้งหมดในเครือข่าย Bitcoin”

ในการยื่นฟ้องล้มละลาย Core ยังกล่าวตำหนิบริษัทรายอื่นด้วยว่า “ควรดำเนินคดีกับ Celsius Networks LLC และบริษัทในเครือที่มีความเกี่ยวข้องทางการเงินกับ Core”

แม้จะขาย Bitcoin ไปแล้วเกือบทั้งหมดไปในเดือนมิถุนายน แต่ Core ก็ยังคงมีกระแสเงินสดลดลงจนเหลือเพียง 26.6 ล้านดอลลาร์ และแม้ว่า Core จะขุด Bitcoin เพื่อเติมคลังของตัวเองให้เพิ่มเติมเป็นมูลค่า 770,000 ดอลลาร์ในวันพุธที่ผ่านมา แต่บริษัทกลับยังคงออกมาเตือนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอาจหมดสิ้นไม่เหลือภายในสิ้นปีนี้

นักขุดในเมือง Austin รัฐ Texas ซึ่งมีการดำเนินงานอยู่ใน North Dakota, North Carolina, Georgia และ Kentucky กล่าวว่า บริษัท Core อาจ “แสวงหาแหล่งเงินทุนอื่นหรือการจัดหาแหล่งเงินกู้ แต่บริษัทยังกำลังพิจารณาการขายสินทรัพย์ เช่นเดียวกับการชะลอรายจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงโครงการก่อสร้างด้วย”

สำหรับเจ้าหนี้ของ Core ทางบริษัทระบุไว้ในเอกสารว่า พวกเขามีอิสระที่จะฟ้อง Core ถ้าหากไม่ยอมชำระเงิน รวมทั้งจะดำเนินการเกี่ยวกับหลักประกัน ตลอดจนเลือกที่จะเร่งจำนวนเงินต้นของหนี้ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Compass Point เชื่อว่า การล้มละลายของ Core เป็นไปได้จริง

“ด้วยราคาแท่นขุดเจาะที่ลดลงอย่างมากในปี 2022 เราเชื่อว่ามีโอกาสสำคัญที่เจ้าหนี้จะตัดสินใจปรับโครงสร้างใหม่แทนที่จะเข้าครอบครองหลักประกัน แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่รู้ว่าการหารือกับเจ้าหนี้ของ CORZ เป็นอย่างไร เราคิดว่าสถานการณ์ที่ CORZ จะต้องยื่นขอความคุ้มครอง Chapter 11 จะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากราคา BTC ลดลงอีกจากระดับปัจจุบัน” นักวิเคราะห์จาก Compass Point เขียน


ที่มา: cnbc