<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดตัวโครงการ CBDC แต่ยังมองข้ามคริปโต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศว่า มีแผนที่จะทำการวิจัยและพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางหรือที่รู้จักกันในชื่อ CBDC

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม สื่อ Bangkok Post รายงานว่าตอนนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลหรือ CBDC และตั้งใจที่จะทำให้มั่นใจว่าธนาคารจะได้รับผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นและมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี

สื่อ Bangkok Post ได้เสริมว่าธนาคารพาณิชย์หลายแห่งได้ทำการพัฒนา CBDC สำหรับการใช้ในร้านค้าทั่วไป แต่ยังไม่มีธนาคารไหนเปิดตัวจริง นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศได้บอกว่า อีก 5 ปี ประเทศไทยจะเปิดตัว CBDC อย่างเป็นทางการ

ในตอนนี้ หน่วยงานกำกับดูแลของไทยกำลังประเมินความเสี่ยงและโยชน์ของเงินบาทดิจิทัลหรือ CBDC ของไทย และพวกเขายังทำการเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลชั้นของประเทศอย่างพร้อมเพย์

เปิดตัวโครงการ CBDC

ธนาคารแห่งประเทศไทยได้จับมือกับธนาคารไทยพาณิชย์สองแห่ง ซึ่งก็คือธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยในโครงการ CBDC ที่เปิดตัวมา มีผู้ทดลองใช้ประมาณ 10,000 ราย โดยจะทดลองใช้สกุลเงินดิจิทัลในช่วงปลายปีนี้ และจะสิ้นสุดในกลางปี 2023

ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มองหาวิธีที่จะควบคุมว่าใครจะสามารถใช้งานมันได้บ้าง และใช้มันทำอะไร โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา กองทุน IMF ได้ออกมาบอกว่า ความสามารถในการติดตั้งโปรแกรมของ CBDC ถือเป็นฟีเจอร์สำคัญของมัน

ธปท. ได้ร่วมมือกับธนาคารฮ่องกง, ธนาคารกลางของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สถาบันสกุลเงินดิจิทัลของจีน และศูนย์นวัตกรรม BIS ฮ่องกง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ประสบความสำเร็จในการนำร่องการใช้ CBDC 

mBridge ได้ทดสอบธุรกรรม 3 ประเภท ได้แก่ การออกและการแลก CBDC ระหว่างธนาคารพาณิชย์และธนาคารกลาง, การชำระเงินระหว่างประเทศในสกุลเงินท้องถิ่น และการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศระหว่างธนาคารพาณิชย์

ในรายงานมีการเสริมว่า ธุรกรรมข้ามพรมแดนที่ปกติจะใช้เวลา 3-5 วัน หากเปลี่ยนมาใช้ mBridge จะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที

การขัดขวางคริปโต

เมื่อเดือนที่แล้วสื่อ Bangkok Post ได้รายงานว่า ฝันของประเทศไทยที่จะกลายเป็นศูนย์กลางตลาดคริปโตถูกทำให้หยุดชะงัก

ก.ล.ต. ได้มุ่งเป้าไปที่กระดานเทรดในไทย และได้มีการห้ามไม่มีการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในการชำระเงินในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

Source: beincrypto