Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ได้ทำการเพิ่มเฟสใหม่ให้กับโร้ดแมพด้านเทคนิคของเครือข่าย Ethereum โดยตั้งเป้าหมายที่จะปรับปรุงฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น ต่อต้านการถูกเซ็นเซอร์และพัฒนาระบบกระจายอำนาจของเครือข่ายให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ Buterin ได้ทวีตโร้ดแมพใหม่บนทวิตเตอร์ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ซึ่งโร้ดแมพใหม่ที่ว่านั้นจะใช้ชื่อว่า “The Scourge” ซึ่งเมื่อเครือข่าย Ethereum ได้เปลี่ยนระบบฉันทามติไปเป็น proof-of-stake (PoS) เรียบร้อยแล้ว ในเฟสที่สองจะเป็น – “The Surge — ที่มีเป้าหมายเพิ่มความสามารถในการรองรับธุรกรรม 100,000 รายการต่อวินาทีผ่านการ rollup
ในขณะที่โร้ดแมพที่อัปเดตใหม่อย่าง “The Scourge” เป็นเฟสที่สาม และจะตามด้วยการอัพเดท อย่าง The Verge, The Purge และ The Splurge
ตามข้อมูลใหม่ของ Vitalik เป้าหมายของ The Scourge คือการ “ทำให้แน่ใจว่ามีการรวมธุรกรรมที่เป็นกลางและเชื่อถือได้ และเพื่อหลีกเลี่ยงการรวมศูนย์และความเสี่ยงของโปรโตคอลอื่น ๆ จาก MEV”
ก่อนหน้านี้ Buterin ได้อธิบายกลไกนี้ว่าเป็นกลไกที่ “ไม่เลือกปฏิบัติหรือต่อต้านบุคคลใดบุคคลหนึ่ง”
เนื่องจากปกติปัญหาของ Miner Extractable Value (MEV) นั้นคือการนักขุดมักจะตัดสินใจว่าจะจัดการธุรกรรมใดในบล็อกและจะทำการเรียงลำดับอย่างไร ซึ่งเป็นผลให้ Ethereum มีความเกี่ยวข้องกับการรวมศูนย์และการถูกเซ็นเซอร์ในระดับที่สูงขึ้น หลังจากการอัปเกรด The Merge
ทั้งนี้หลังจากที่เครือข่ายได้เปลี่ยนไปใช้ระบบฉันทามติแบบ PoS เปอร์เซ็นต์ของบล็อกที่สอดคล้องกับสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (OFAC) ถึง 73% ในวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขที่หลายคนมองว่าสูงเกินไป
อย่างไรก็ตามรายละเอียดทั้งหมดของ The Scourge ยังไม่ได้รับการเปิดเผยทั้งหมด โดยผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ยังได้เสนอโซลูชัน “Partial Block Auction” ซึ่งเป็นโซลูชันที่ผู้สร้างบล็อกจะได้รับสิทธิ์ในการตัดสินใจแค่เนื้อหาบางส่วนของบล็อกเท่านั้น
ข้อเสนออื่น ๆ เพื่อต่อสู้กับการเซ็นเซอร์ยังได้รับการเสนอจาก บริษัท วิจัยและพัฒนา Ethereum Flashbots ได้ให้มีการนำเสนอโซลูชัน Single Unifying Auctions for Value Expression (SUAVE)
Buterin ยังยืนยันการอัพเดทเป็น “The Verge” — จะะเกี่ยวข้องกับการรวม เทคโนโลยี Succinct Non-Interactive Argument of Knowledge (SNARK) ที่สามาถเข้ากันได้กับ Ethereum
การเพิ่ม SNARKs จะเพิ่มคุณสมบัติการรักษาความเป็นส่วนตัวที่จำเป็นมากให้กับเครือข่าย Ethereumในขณะที่ยังคงอนุญาตให้ติดตามธุรกรรมที่ไม่ระบุตัวตนได้
Buterin ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า “บทบาทที่ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับการพิสูจน์ควอนตัม” จะถูกนำไปใช้ในขั้นตอนต่างๆ ของแโร้ด Ethereum ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นของโปรโตคอล “endgame”
ที่มา : cointelegraph