<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

อัยการเกาหลีพบพนักงาน Terra รายหนึ่งทำเงินได้กว่า 3.7 พันล้านบาทจากการลงทุนเพียง 5 หมื่นบาท

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

จากการสอบสวนของอัยการเกาหลีใต้ช่วงเมื่อวานนี้ มีรายงาน Do Kwon ผู้ก่อตั้งโปรเจกต์เหรียญ Terra Lunaได้ออกคำสั่งโดยตรงในปั่นราคาเหรียญ โดยจากสอบสวนอัยการยังพบด้วยว่า “พนักงานธรรมดา” คนหนึ่งที่ทำงานให้กับ Terra สามารถทำเงินได้อย่างมหาศาลจากผ่านการลงทุนที่ผิดกฎหมาย โดยพนักงานรายนี้สามารถสร้างรายได้กว่า 1.4 แสนล้านวอนจากการลงทุนเงินเพียงแค่ 2 ล้านวอน

ในเดือนกรกฎาคมปี 2019 เหรียญ Luna Coin ได้เปิดให้นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้ามาลงทุนและเทรดได้ ต่อมา เหรียญที่เกี่ยวข้องกับ Terra อย่าง Mirror Token และ Anchor Token ได้ถือกำเนิดขึ้นในตลาดในปี 2020 และ 2021 ตามลำดับ 

อย่างไรก็ตาม Terra ได้ขายเหรียญเหล่านี้ให้กับพนักงานและนักลงทุนก่อนการเปิดตัวเหรียญ ซึ่งคล้ายกับการที่พนักงานซื้อ “หุ้นของบริษัท” ก่อนที่บริษัทจะเปิดขายสู่สาธารณะ พนักงานที่ทำงานในตอนนั้นกล่าวว่า “Terra ได้ขายโทเค็นให้แก่พนักงานในราคาส่วนลดครึ่งหนึ่ง” และการขายล่วงหน้าในครั้งนี้เป็น “แจ็คพอร์ต” เนื่องจากเหรียญต่าง ๆ ที่ได้เปิดขายไป เช่น Luna Coin มีราคาที่พุ่งขึ้นกว่า 100 เท่าภายใน 2 ปีครึ่ง

หลังจากการเปิดขาย พนักงาน Terra ที่ได้ซื้อโทเค็นเอาไว้ ณ ราคาต่ำแทบนั่งอยู่บนกองเงิน และพนักงานบางคนพบว่ามีรายได้สูงถึง 1.4 หมื่นล้านวอนจากการลงทุนเพียงแค่ 2 ล้านวอน คิดเป็นกำไรที่เพิ่มขึ้นถึง 70,000 เท่า พนักงานบางคนยืนยันว่า พวกเขาได้นำเงินไปถอยรถหรูอย่าง Lamborghini และซื้ออพาร์ทเมนต์ราคาแพง

อัยการเชื่อว่า พนักงานหลายรายที่ทำงานในตำแหน่งนักพัฒนาบล็อกเชนและผู้จัดการฝ่ายออกแบบ ได้รับผลตอบแทนเป็นจำนวนมหาศาล และทำการลงทุนด้วยวิธีที่ผิดกฎหมาย ซึ่งไม่ใช่การลงทุนแบบทั่วไป แต่เป็นการไปได้ว่าเป็นการลงทุนแบบ “organizational fraud” หรือการใช้อำนาจในหน้าที่งาน ของตนก่อให้เกิดลาภอันมิควรได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้บริการและพนักงานในบริษัท รวมไปถึง Kwon Do-hyung ด้วย อัยการเชื่อว่า คนกลุ่มนี้สร้างผลกำไรจากการเพิ่มขึ้นราคาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก่อนจะกำจัดเหรียญที่เกี่ยวข้องกับ Terra ทิ้ง และนักลงทุนทั่วไปที่ไม่รู้เรื่องนี้ต่างสูญเสียเงินทุนไปมหาศาล

ในขณะนี้อัยการยังอยู่ในระหว่างดำเนินการสอบสวน คลังสำรองเพื่อเติมของบริษัท ก่อนการดำเนินคดี และพยายามระบุตัวผู้ต้องสงสัยที่ได้รับ ‘เงินแบบผิดกฎหมาย’ 

ที่มา: