BlockFi ผู้ให้บริการด้านการกู้ยืม Crypto กล่าวว่าทางบริษัทไม่สามารถให้บริการปกติได้ และจำเป็นต้องจำกัดการให้บริการถอนเงินในช่วงการล่มสลายของ FTX
บริษัทประกาศบน Tweeter ว่า “การขาดความชัดเจน” ในสถานการณ์ของ FTX ในปัจจุบัน ทำให้ทางบริษัทจะต้องหยุดการถอนเงินของผู้ใช้บริการ และได้ขอให้ผู้ใช้บริการหยุดการฝากเงินบนกระเป๋าเงินหรือบัญชีเงินฝาก
“พวกเราจะแบ่งปันรายละเอียดเพิ่มเติมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” บริษัทกล่าว “พวกเราตั้งใจที่จะสื่อสารให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่คาดว่าอาจจะน้อยกว่าที่ผู้ใช้บริการและผู้ถือหุ้นเคยชิน”
BlockFi ได้ประกาศทวีตเมื่อวันพฤหัสบดี สองวันหลังจาก Flori Marquez ผู้ก่อตั้งและประธานฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท ได้ออกมาทวีตว่า “ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ BlockFi ได้มีการดำเนินการอย่างเต็มที่” กล่าวว่าบริษัทเป็นหน่วยงานอิสระ อย่างน้อยจนกว่าจะถึงเดือนกรกฎาคมในปีหน้า
ก่อนหน้านี้ BlockFi และ FTX US ประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ทางบริษัทได้มีข้อตกลงร่วมกันว่า FTX US จะมอบวงเงินสินเชื่อ 400 ล้านดอลลาร์แก่ BlockFi ซึ่งจะทำให้ FTX มีสิทธิ์ในการเข้าซื้อกิจการ BlockFiโดยชอบธรรม ส่วนราคาในการเข้าซื้อกิจการขึ้นอยู่กับดีลในขณะนั้น
ข้อกำหนดเหล่านี้ รวมไปถึงการที่ BlockFi จะได้รับอนุญาตจาก SEC ให้สามารถดำเนินการให้การบริการในสหรัฐฯ ได้ และเข้าถึงสินทรัพย์ของผู้ใช้บริการอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อถึงเวลาที่ FTX US เลือกใช้ตัวเลือกและรายได้ประจำปีของ BlockFi
จากข้อกำหนดนี้ FTX US จะต้องจ่ายเงิน 240 ล้านดอลลาร์เพื่อเข้าซื้อกิจการของ BlockFi แต่หากข้อตกลงไม่เป็นที่ยอมรับ BlockFi จะถูกขายในราคาเพียง 15 ล้านดอลลาร์
Flori Marquez ยังถูกกล่าวถึงในดีลนี้บน Twitter เมื่อวันอังคาร กล่าวว่า BlockFi เป็น “องค์กรอิสระ” ไม่ได้ขึ้นตรงต่อ FTX US หรือ FTX international
ข้อตกลงนี้ดูเหมือนจะเกิดข้อสงสัยขึ้น หลังจากมีการเปิดเผยว่า FTX ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกที่มีความเกี่ยวข้องกับ FTX US มีช่องว่างทางการเงินสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในบัญชี
ขณะนี้ FTX อยู่ภายใต้การสอบสวนของรัฐและรัฐบาลกลาง และได้ระงับการถอนเงินของลูกค้า ขณะที่ FTX US ยังคงไม่ได้รับผลกระทบใด จากคำกล่าวของ Sam Bankman-Fried ทางบริษัทได้ออกประกาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า บริษัทจะทำการหยุดให้เทรดในวันถัดไป และแนะนำให้ผู้ใช้บริการหยุดการถอนเงินไปยังบัญชีอื่น
ที่มา: CoinDesk