<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เตรียมพบกับโดมิโน่อีกนับร้อยโปรเจกต์ที่จะผุดขึ้น ! หลังการล่มสลายของเว็บเทรด FTX

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

FTX อดีตเว็บเทรดเทรดยักษ์ใหญ่อันดับสองของโลกที่มีผู้ก่อตั้งอย่าง Sam Bankman-Fried เจ้าราชาแห่งวงการ Crypto และเป็นเจ้าของอาณาจักร Crypto ขนาดใหญ่ที่มีบริษัทในเครือมากกว่า 250 แห่งอยู่เบื้องหลัง ตอนนี้กลับกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่โลกจับตามองมากที่สุด ด้วยการล่มสลายของ FTX ทำทั้งอุตสาหกรรม Crypto สั่นคลอนอย่างรุนแรง

เหรียญ FTT กลายเป็นเป็นที่ไร้ค่า ราคา Bitcoin ร่วง นายทุนหลายรายแห่ถอนเงินที่ลงทุนใน FTX ออก กระดานเทรดหลายแห่งปิดระงับการถอนเงินของผู้ใช้งาน เและมีแนวโน้มว่าจะมีบริษัท Crypto บริษัทอื่น ๆ อีกนับร้อยล้มตาม FTX มาในไม่ช้า

บัญชี Instagram ชื่อ intelligentcryptocurrency ได้ออกมาสรุปรายชื่อบริษัทที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการล่มสลายของ FTX โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท FTX, FTX US, FTX Ventures และ Alamada

ก่อนหน้านี้ BlockFi ได้ทำการระงับการถอนเงินของผู้ใช้งานไปแล้ว ส่วน Caroline Ellison CEO ของ Alamada เองก็มีชะตากรรมเช่นเดียวกับ Sam Bankman-Fried แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการล่มสลายของ FTX ที่แพร่ขยายเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ 

การล่มสลายของ FTX ในครั้งนี้ ทำให้เหล่านักลงทุนไม่เชื่อมั่นใน FTX และบริษัทในเครือ ส่งผลให้เหล่านักลงทุนพยายามเอาเงินออกเพื่อรักษาเงินทุนของตนไว้ ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวพันกับ FTX ได้รับผลกระทบจากการถอดเงินเป็นจำนวนมากไปในเวลาอันสั้น

ทั้งการที่ Sam Bankman-Fried  ไม่สามารถหาเงินทุนจากนักลงทุนเพื่อนำมาหมุนได้ ประกอบกับข่าวการนำเงินทุนของผู้ใช้บริการ FTX ไปใช้ ทำให้ทางบริษัทสูญเสียความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก ความไม่มั่นคงทางการเงินทำให้ไม่มีบริษัททุนใดกล้าลงเงินช่วยเหลือ Sam Bankman-Fried

การขาดเงินทุนในครั้งนี้ อาจทำให้บริษัทในเครือที่มีความเกี่ยวข้องทางการเงินอย่างใกล้ชิดกับ FTX อาจจะต้องล่มสลายลงไปด้วย หาก Sam Bankman-Fried ไม่สามารถหาเงินมาให้การช่วยเหลือบริษัทเหล่านี้ได้ รวมไปถึง Solana และ Polygon ซึ่งอาจจะไม่ได้ล่มสลายเสียทีเดียว แต่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในโปรเจกต์ใหม่ทั้งหมดเพื่อรับมือกับวิกฤต

ทั้งนี้ ได้ผู้ใช้ทวีตบางรายที่ได้มีผู้เปรียบเทียบวิกฤตที่เกิดขึ้นกับ FTX (เว็บเทรดคริปโตเบอร์สองในปี 2022) กับวิกฤตครั้งใหญ่ของตลาดคริปโตเมื่อ Mt.GOX (เว็บเทรดคริปโตเบอร์หนึ่งในปี 2014) ได้เผชิญหน้ากับล่มสลาย ซึ่งทำให้ราคา Bitcoin ร่วงยาวไปนานกว่า 3 ปี ก่อนที่ราคาจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้อีกครั้ง

ผลกระทบจากการล่มสลายของ FTX จึงเป็นที่น่าจับตามองและอยู่ในความระมัดระวังมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการที่ FTX มีบริษัทในเครือมาก สิ่งนี้จึงเป็นไปได้ที่อาจสร้างผลกระทบกระจายตัวเป็นวงกว้างขึ้นอีก เช่นเดียวกับโดมิโน่ เมื่อโดมิโน่ตัวหนึ่งล้มลง โดมิโน่ตัวอื่น ๆ ที่มีการเชื่อมต่อกันจะล้มลงไปด้วย

อ้างอิง: