<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รัฐบาลเคนยาเตรียมเก็บภาษีธุรกรรม crypto กว่า 20% หลังลดการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การแก้ไขกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ใหม่ของประเทศเคนยาพยายามที่จะแนะนำภาษีเกี่ยวกับธุรกรรม crypto ในเคนยา โดยรัฐบาลเคนยาต้องการเก็บภาษีธุรกรรมคริปโตบนกระดานเทรดทั้งหมดในประเทศแม้ว่าตลาด crypto กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการล่มสลายของ FTX ทั่วโลก

แผนการดำเนินงานการแก้ไขกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ได้แนะนำภาษีสรรพสามิต 20% สำหรับค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมคริปโตทุกรายการ ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นกลยุทธที่ไร้ค่าหลังรัฐบาลใหม่ต้องการลดการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศโดยการขยายการเก็บภาษีภายในประเทศ

หากร่างกฎหมายได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา ชาวเคนยาจะต้องส่งภาษีจากกำไรการซื้อขายหุ้นหรือสกุลเงินดิจิทัลให้กับหน่วยงานสรรพากร

“ในกรณีที่สกุลเงินดิจิทัลถูกถือครองระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน ให้บังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับภาษีเงินได้หรือสำหรับการถือครองระยะเวลาที่เกิน 12 เดือนให้บังคับใช้ภาษีเกี่ยวกับภาษีเงินได้จากทุน”

ทั้งนี้ธนาคารกลางได้เตือนประชาชนเกี่ยวกับการใช้และการซื้อขาย crypto ว่ากำลังเป็นการเดินตามรอยเท้าของเอธิโอเปีย อีกทั้ง Tripple-A บริษัทวิจัยคริปโตในสิงคโปร์ประเมินจำนวนผู้ค้าคริปโตในเคนยาที่ 6.1 ล้านคนจากจำนวนประชากรเกือบ 55 ล้านคน

ชาวเคนยาเห็นดราม่าคริปโตมามากพอแล้ว

การล่มสลายของ FTX ได้โด่งดังไปทั่วโลกซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีสำหรับชาวเคนยาส่วนใหญ่ที่ได้เห็นราคาของ Bitcoin ลดลงต่ำกว่า 16,000 ดอลลาร์ ในวันที่ 21 พฤศจิกายน อีกทั้งจากเหตุการณ์ล่าสุดทำให้นักลงทุนเคนยาจำนวนมากรู้สึกโกรธเคืองรัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง

“ภาษีนี้จะถูกส่งต่อไปยังผู้ใช้ที่ไม่สงสัยในกระดานเทรดคริปโต ซึ่งแพลตฟอร์มที่มีการกระจายอำนาจส่วนใหญ่ไม่ใช่ของเคนยา ดังนั้นรัฐบาลจึงไม่มีอำนาจควบคุม”

ทั้งในโซเชียลมีเดียและกระแสความไม่พอใจยิ่งขยายวงกว้างมากขึ้น โดยผู้ใช้จำนวนมากกังวลว่ารัฐบาลสนใจแต่การเก็บภาษีและไม่ควบคุมอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องผู้ค้า

อย่างไรก็ตามเคนยามีประชากรที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมากที่สุดแห่งหนึ่งของแอฟริกา โดยการยอมรับอุตสาหกรรม crypto ได้สูงขึ้นเนื่องจากต้นทุนของอินเทอร์เน็ตบนมือถือนั้นถูกลงเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ชุมชน crypto ในประเทศอาจลดลงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเนื่องจากความเชื่อมั่นที่ลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ตลาด crypto มีมูลค่าลดลงต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท