<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

The Wolf of Wall Street ยอมรับว่าเคยเสียเงิน 3 แสนดอลลาร์ จากการโดนแฮ็กกระเป๋าคริปโต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นาย Jordan Belfort อดีตโบรกเกอร์ชื่อดังที่รู้จักกันในชื่อ “The Wolf of Wall Street ” ได้ออกมายอมรับว่าเขาเคยตกเป็นเหยื่อของแฮ็กเกอร์ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการออกกฏระเบียบในการดูแลภาคส่วนนี้

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน นาย Belfort ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Yahoo Finance โดยเขาให้ข้อมูลว่า เขาเคยเสีย Cryptocurrency มูลค่า 3 แสนดอลลาร์ที่เก็บไว้ในกระเป๋า Metamask จากการโดนแฮ็ก

นาย Belfort บอกว่า ในตอนที่เกิดเรื่อง เขาเก็บสินทรัพย์ของเขาไว้ใน Cold Wallet แทนที่จะเก็บไว้ในกระดานเทรดคริปโต

“ผมไม่เก็บเหรียญคริปโตสักเหรียญไว้ในกระดานเทรด ทุกเหรียญถูกเก็บไว้ใน Cold Wallet ดังนั้นผมถูกแฮ็กกระเป๋าจริง ๆ ผมเสียเงินประมาณ 3 แสนดอลลาร์ที่เก็บไว้ใน Metamask เมื่อปีที่แล้ว อุตสหกรรมคริปโตนี้มันอยู่ยากจริง ๆ เหมือนเราอยู่ในเมืองที่ไร้กฏหมาย”

นักลงทุนเริ่มหนีจากกระดานเทรด

หลังจากการเกิดเหตุการณ์การล้มละลายของกระดานเทรด FTX ทำให้นักลงุทนหันไปให้ความสำคัญในการจัดเก็บสินทรัพย์ของตนเองมากขึ้น โดยหันไปเก็บไว้ไปในกระเป๋าคริปโตที่เป็นของตนเองแทนที่จะฝากไว้กับกระดานเทรด

ข้อมูล On-Chain ทำให้พบว่า แพลตฟอร์ม Software Wallet อย่าง Trust Wallet เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับผลประโยชน์จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ด้วยเหตุนี้ทำให้เหรียญ Trust Wallet Token พุ่งขึ้นทำจุด All-Time-High ใหม่

Belfort ต้องการกฏระเบียบที่ชัดเจน

นาย Jordan Belfort บอกว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้จำเป็นที่จะต้องมีกฏระเบียบคริปโตที่ชัดเจน โดยเขาได้บอกว่า Bitcoin จะเติบโตได้ดีกว่านี้ ถ้ามันถูกควบคุม

“มันต้องถูกควบคุมจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมของ SEC หรือใครสักคนที่ก้าวเข้ามาดูแลภาคส่วนนี้เพื่อออกคำสั่งอะไรสักอย่าง”

ก่อนหน้านี้ นาย Belfort ได้บอกว่าการล้มละลายของกระดานเทรด FTX เป็นแผนการที่นาย Sam Bankman-Fried ออกแบบไว้ โดยเขาบอกว่า SBF ได้คาดการณ์ผลกระทบต่อตลาดทุกอย่างไว้ล่วงหน้า

นาย Belfort ได้แนะนำนักลงทุนว่าหากต้องการที่จะอยู่รอดในตลาดนี้ต่อไป นักลงทุนต้องไม่หวั่นต่อราคาที่ผันผวน และเน้นลงทุนเฉพาะ Bitcoin และ Ethereum เท่านั้น

Source: Finbold