เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Sam Bankman-Fried (SBF) ได้ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกกับนักข่าวพลเมือง Tiffany Fong บนแพลตฟอร์ม Youtube หลังจากไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับใครมานาน ภายหลังจากการล้มละลายของ FTX
Tiffany Fong ได้ถามคำถามเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างเมื่อก่อนหน้านี้ที่ว่า SBF ได้ทำการแก้ไขบันทึกทางการเงินของ FTX โดยใช้ “backdoor” ซึ่งอนุญาตให้เขาสามารถดำเนินคำสั่งต่าง ๆ ได้โดยไม่ทำให้ผู้อื่นรู้ คำกล่าวอ้างนี้ได้ถูกนำมาพูดถึงหลายครั้งโดยสำนักข่าว Reuters หลังจากวันที่ FTX ล้มละลาย โดยเสริมว่า backdoor นี้ถูกใช้ในการเคลื่อนย้ายเงินทุนของผู้ใช้บริการไปยังบริษัท Alameda Research บริษัทเทรดที่เป็นบริษัทในเครือของ FTX
“ผมไม่ได้สร้าง backdoor ในระบบ” SBF ตอบขณะให้สัมภาษณ์ “ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาหมายถึงอะไร”
สำนักข่าว Reuters ได้กล่าวเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนว่า backdoor นี้ถูกสร้างขึ้นโดย Gary Wang หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของ FTX ซึ่งเป็นคนวงในที่รู้ความเคลื่อไหวของเงินทุน
และเมื่อพูดถึงเหรียญ FTT นาย SBF กล่าวว่า เขาไม่เชื่อว่าโทเค็นประจำแพลตฟอร์มเว็บเทรด FTX นี้จะไร้ค่า “ผมคิดว่ามูลค่าของมันได้รับการสนับสนุนทางเศรษฐกิจมากกว่าโทเค็นส่วนใหญ่” เขากล่าว เนื่องจากมันมีระบบการเผาเหรียญและซื้อคืน การใช้เป็นส่วนลดค่าธรรมเนียม และกระแสเงินสด
FTT เปิดให้เทรดเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ราคา 20 ดอลลาร์ ก่อนจะราคาจะร่วงลงมาอยู่ที่ 1.42 ดอลลาร์ในปัจจุบัน ราคาของ FTT ได้ร่วงลงอย่างรวดเร็วจากการที่ Changpeng Zhao CEO บริษัท Binance ได้ทำเทขายเหรียญ FTT จำนวนรวม 500 ล้านดอลลาร์ในการเปิดตลาดในวันนั้น
SBF ปฏิเสธการกล่าวอ้างว่า โทเค็นของเขาล่มสลายจากการถูก Margin call หรือการขาดสภาพคล่องในสินทรัพย์ และเขากล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะสูญเสียศรัทธาในกระดานเทรด นำไปสู่การเทขายขนาดใหญ่จนราคาของโทเค็นนั้นร่วงลดลง
“มันเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากข่าว โดยเฉพาะเมื่อข่าวนั้นเกี่ยวข้องกับ FTX และ Alameda รวมไปถึงทรัพย์สินของบริษัทด้วย”
ความกลัวที่รายล้อมจำนวนทรัพย์สินของ Alameda และ FTX เริ่มต้นขึ้นหลังจาก CoinDesk ได้เปิดเผยข้อมูลงบดุลของ Alameda เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน โดยเอกสารงบดุลได้เปิดเผยว่า บริษัท Alameda ถือ FTT เอาไว้กว่าครึ่งของจำนวนโทเค็นที่ทางบริษัทถือเอาไว้ทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มากเกินไป
FTX ได้ยื่นฟ้องล้มละลายเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ตามมาด้วยการล่มสลายของบริษัทอื่น ๆ อีกนับร้อยบริษัท รวมไปถึง Alameda และ FTX US
ที่มา: CryptoPotato