หลังจากที่ตลาด Bitcoin ซบเซามายาวนานเกือบหนึ่งเดือนก็ได้พบเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงอีกครั้ง โดย Bitcoin ได้ทำราคาพุ่งขึ้นแตะ 18,000 ดอลลาร์ในทันทีหลังจากการประกาศเพิ่มดัชนีผู้บริโภค (CPI) มากขึ้น 0.1%
อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอยู่ที่ 7.1% ในเดือนพฤศจิกายนลดลงมากกว่า 0.6% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว ทั้งนี้ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนลดลงจาก 0.4% ในเดือนตุลาคม
Consumer Price Index (CPI) หรือในชื่อไทยว่า “ดัชนีราคาผู้บริโภค” เป็นมาตรการที่นำมาใช้ตรวจสอบค่าเฉลี่ยราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการเช่น การขนส่ง อาหาร และการรักษาพยาบาล คำนวณโดยการเปลี่ยนแปลงราคาสำหรับแต่ละรายการในสินค้าที่กำหนดไว้ล่วงหน้า การเปลี่ยนแปลงในดัชนีราคาผู้บริโภคจะใช้ในการประเมินการเปลี่ยนแปลงราคาที่เกี่ยวข้องกับค่าครองชีพ
ส่วนใหญ่แล้วตัวเลข CPI มักจะใช้เพื่อเป็นดัชนีในการระบุช่วงเวลาของเงินเฟ้อและเงินฝืด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถมองเห็นค่าเงินที่แท้จริงได้
ทั้งนี้ Bitcoin ได้ทำราคาพุ่งขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ด้านลบต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์การล่มสลายของกระดานเทรด FTX และแม้กระทั่งการตรวจสอบกระดานเทรดยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Binance หลังมีข่าวว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและไม่มีสินทรัพย์สำรองจริงตามที่ได้ประกาศไว้ใน Proof-of-Reserves
ในข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดีอยู่บ้างโดยเมื่อเช้าของวันที่ 13 ธันวาคม 2022 อดีต CEO ของ FTX กระดานเทรดชั้นนำระดับโลกได้ถูกจับกุมในบาฮามาสต์ซึ่งทำให้ราคาเหรียญ FTT ร่วงลงอย่างรุนแรงและส่งผลให้ราคา Bitcoin สามารถฟื้นตัวขึ้นได้เล็กน้อย
อย่างไรก็ตามปัจจุบัน Bitcoin ได้ทำราคาร่วงลงเล็กน้อยแต่ยังคงซื้อขายอยู่ที่ระดับราคา 17,800 ดอลลาร์ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 3.66% ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา