<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เพจดังโพสต์เตือน !! ความเสี่ยงครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้น “จากเรื่องราวลึกลับของ Binance”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในช่วงเช้าหลังจากหมดช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะมีข่าวลือที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนักเกี่ยวกับ Binance ไหนจะเป็นเรื่องที่ Binance ได้สนับสนุนการฟอกเงินและกำลังจ่อถูกสั่งสอบจากหน่วยงานกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ที่รายงานโดยสำนักข่าว Reuters สำนักข่าวต่างประเทศที่มีความน่าเชื่อถือ ถึงแม้ภายหลังจากเผยแพร่ไปได้ไม่นานทาง Binance ก็ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวไปแล้วก็ตาม

ที่น่าสนใจในครั้งนี้ก็ดูเหมือนว่าทาง Binance อาจจะกำลังอยู่ในช่วงวิกฤตภัยความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกที่ตอนนี้กำลังพยายามขุดคุ้ยเรื่องราวต่าง ๆ โดยรวมไปถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นของ กระดานเทรดยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Binance ด้วย

ทั้งนี้เพจ Money Disruptor ได้ทำการเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องลึกลับของ Binance โดยอ้างอิงมาจาก บทความของสำนักข่าว Wall Street Journal ซึ่งเป็นเรื่องความโปร่งใสของกระดานเทรดที่น่าจับตามอง

โดยเพจ Money Disruptor ได้เขียนบทความชวนฉุกคิดว่า … “Binance กำลังพยายามไม่ให้นักลงทุนตื่นตระหนก แต่สถานะทางการเงินยังคงลึกลับ (Mystery)” เรื่องลึกลับมีอะไรบ้าง?

อย่างที่รู้กันว่า Binance กำลังพยายามอย่างหนักในการเรียกความมั่นใจของนักลงทุนกลับคืนมาหลังจากการล่มสลายครั้งใหญ่ของเว็บเทรด FTX โดยก่อนหน้านี้ CZ เจ้าของ Binance ได้ทำการตรวจสอบสถานะการเงินสำรอง หรือที่เรียกว่า Proof of Reserve ที่เจ้าตัวได้อ้างว่า เป็นการ Audit 

ซึ่งทางเพจ Money Disruptor ได้แถลงไขอย่างชัดเจนว่าการกระทำดังกล่าวนั้น “ไม่ใช่การ Audit แต่เป็นแค่ “ทำงานตามขั้นตอนที่กำหนด” Agreed-upon (Binance’s) Procedures Engagement โดย “บริษัทแห่งหนึ่ง” ที่สรุปสุดท้ายว่า ขอไม่ออกความเห็นหรือรับประกันแต่อย่างใด

และจากการตรวจสอบดังกล่าวนั้นพบว่า Binance ไม่ได้มี BTC Deposit:Reserve 100% (เป็น Negative Balance -3%) สิ่งที่ยังไม่มีคือ หลักฐานหนี้สิน (Proof of Liability) ซึ่งมีคนทวิตถาม CZ ก็ตอบว่า เรื่องหนี้สิน คุณต้องไปถามกันเอาเอง “Liabilities are harder.. You can ask around.”

ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นที่ถกเถียงของนักลงทุนหลายคนว่าการทำ Proof of Reserve นั้นสามารถที่จะช่วยทำให้กระดานเทรดนั้น ๆ โปร่งใสได้จริงหรือ แต่ในทางกลับกันอีกฝ่ายก็มองว่ามันก็ดีกว่าไม่มีการทำอะไรเลย

นอกจากเรื่องความโปร่งใส่ในเรื่องของการเงินสำรองกันไปแล้ว เรื่องที่ดูจะลึกลับไม่แพ้กันอย่างใครเป็นผู้ถือหุ้นและใครคือ Board of Directors? ที่ดูเหมือนจะยังไม่ได้รับคำตอบอีกด้วย นอกจากนั้น ทางเพจ Money Disruptor ยังกล่าวด้วยว่า 

เหล่านักสืบ Crypto บน Twitter ที่เคย “ขุดคุ้ย” เรื่องราวของ SBF/ FTX เริ่มเบนเข็มมาขุดคุ้ยประวัติของ CZ/Binance บ้างแล้ว และได้พบเจอกับคำถามที่ชวนสงสัยซึ่งยังหาคำตอบไม่ได้ เช่น

– BTC ใน Reserve รวมถึง wrapped ด้วยหรือไม่

– มีการโยกเงินไปมาระหว่าง Binance vs BSC Chain หรือไม่ (มีคนสังเกตว่า ใน BSC มีการ Over-collaterized ถึง 500-1000%)

บางคนนึกถึง คำพูดหลุด ๆ ของ SBF ที่พูดกับเพื่อนวงในของเขา หลังจากที่ เว็บเทรด FTX ล่มสลายว่า “ที่คนยังจับ(ผิด) CZ/Binance ไม่ได้ เพราะเค้าแค่มีเงินมากกว่านั่นแหละ (Bigger Balance Sheet)

นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมโยงไปถึง Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ที่เคยให้สัมภาษณ์นานมาแล้วว่า 

“โดยทั่วไปแล้ว ทฤษฎีการส่งสัญญาณกล่าวว่า ถ้าคุณมีข่าวไปในทางที่ดี (good way) หรือมีข่าวไปทางที่ชวนสงสัย (noisy way) ในการพิสูจน์บางอย่าง  ถ้าคุณเลือกที่จะไปทาง noisy way นั้นเพราะคุณไม่ได้ทำ good way มาตั้งแต่แรก”

และสุดท้ายนี้ทางเพจ Money Disruptor ยังได้ออกมาเตือนนักลงทุนอย่าไว้ใจที่จะฝากเงินไว้กับกระดานเทรดที่ไม่มีแม้แต่ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ไม่มีการเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นและ Board of Directors นอกจากนั้นยังการเงินยังไม่มีการ Audit เพื่อความโปร่งใส อีกทั้งยังปิดบังจำนวนหนี้สินและมีข่าวลือแพร่สะพัดว่า Binance อาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินอีกด้วย

“ลองพิจารณาดูเองว่า ควรจะเตรียมพร้อมล่วงหน้าอย่างไร? ถ้าใครเทรดประจำ และติดตามข่าวตลอดเวลา ถ้าเกิดวิกฤต “มีความเป็นไปได้” ที่จะ take action ได้ทันแต่ถ้าใครถือคริปโตแช่ทิ้งไว้เฉยๆ โดยนานๆแวะไปดูที แนะนำไปเก็บไว้ใน Hardware Wallet เถอะครับ ผลตอบแทนเป็นเรื่องของตลาดแต่การบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องของเราครับ

อย่างที่ทราบกันว่าเงินของใครของใครก็รัก ดังนั้นการเก็บคริปโตไว้ที่ Hardware wallet ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่นักลงทุนนิยมเลือกใช้กัน หรือการลดความเสี่ยงด้วยการโอนคริปโตไปไว้ในกระดานเทรดที่มีหน่วยงานของรัฐรับรองเพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น

จากล่าสุดได้มีการถอนเงินออกจาก Binance เป็นจำนวนมากโดยราว ๆ 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วซึ่งนี่อาจจะเป็นสัญญาณของนักลงทุนที่กำลังหวาดกลัวต่อการล่มสลายอีกครั้ง

คริปโทเคอร์เรนซี และ โทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ที่มา : Money Disruptors