<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

‘อาจารย์ตั๊ม’ แจงเหตุผลทำไม Bitkub ถึงปลอดภัยกว่าและ ‘หวังว่าคนจะถอนเงินจาก Binance กันเยอะ ๆ’

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

สืบเนื่องจากข่าวที่ทางสยามบล็อกเชนเผยแพร่ไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เกี่ยวกับการที่อาจารย์ตั๊ม พิริยะ สัมพันธารักษ์ กล่าวว่า ‘การเก็บคริปโตใน Bitkub อาจปลอดภัยกว่า Binance’ ต่อมาเรื่องดังกล่าวกลายเป็นประเด็นสำคัญในชุมชนนักเทรด เนื่องจากหลายคนสงสัยว่า ‘ Bitkub จะปลอดภัยกว่าได้อย่างไร?’

ดังนั้นในวันนี้ทางอาจารย์ตั๊มจึงได้ออกมากล่าวชี้แจงเหตุผลผ่าน facebook ส่วนตัวตามนี้

“การพิจารณาความเสี่ยงนั้น เราต้องดูด้วยว่าเรากำลังพิจารณาถึงความเสี่ยงตัวไหน ถ้าความเสี่ยงที่คุณให้ความสำคัญ คือความเป็นส่วนตัว การใช้ตลาดที่มี license กลต. ย่อมไม่ใช่คำตอบที่ดีครับ คุณควรใช้ dex ใช้ ln ซื้อ bitcoin ผ่าน p2p แล้ว coinjoin เท่านั้น

ถ้าความเสี่ยงที่คุณให้ความสำคัญ คือความผันผวนของราคาในระยะสั้น แน่นอนว่า ตลาดที่มีสภาพคล่องสูงกว่า ใหญ่กว่า ย่อมดีกว่า

แต่ตอนนี้ เรากำลังพูดถึงความเสี่ยงจากการล้มละลายด้วยการขาดสภาพคล่องครับ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เมื่อ exchange มีการบริหารเงินผิดพลาด มีการนำเงินของลูกค้าไปใช้ผสมปนเปกับเงินส่วนอื่น ๆ (co mingling of funds) หรือในกรณีที่ exchange มีการเทรดแบบ margin / derivative แล้วอาจเกิดปัญหาใน liquidation engine หรือส่วนอื่น ๆ จนเงินใน exchange สูญหายไป

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Binance ถูกตั้งคำถามเรื่องสภาพคล่องและ reserve บ่อยครั้ง เนื่องจากการที่ CZ ออกหน้ามาโจมตี SBF และพยายามทำ Proof of reserve นั้น ในบางมุมดูเหมือนเป็นการพยายามแสดงความแข็งแกร่งเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง จนเมื่อการตรวจสอบบัญชีครั้งล่าสุดพบปัญหาความไม่ลงตัวของยอดเงิน จึงทำให้ผู้คนแตกตื่นถอนเงินกัน

ในกรณีนี้ เมื่อมีผู้คนแห่ถอนเงินพร้อม ๆ กัน ออกมาเป็นเหรียญต่าง ๆ หรือแม้แต่เป็น USD ก็จะกลายเป็นการทดสอบ Binance ซึ่งถ้า Binance fully reserve จริง ก็จะสามารถคืนเงินให้ลูกค้าได้เมื่อมีการถอนโดยไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งจะยิ่งเป็นการย้ำความมีวินัย และความซื่อสัตย์ของ Binance ต่อไปในอนาคต (แถมยังได้กินค่าถอนฟรี ๆ อีกด้วย) ดังนั้นเรื่องดังกล่าวกลับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ Binance

แต่หลังจากมีกระแสการแห่ถอนเงินเกิดขึ้น CZ กลับออกมารณรงค์ “Stop FUD” แทนที่จะสนับสนุนการถอนเงินไปเก็บเอง จึงทำให้เป็นที่สงสัยกันมากว่า CZ มีอาการกลัวใช่หรือไม่

ในกรณีที่ Binance ไม่ Solvent คือมีเงินไม่พอเงินฝากของลูกค้า เมื่อลูกค้าแห่กันถอนเงินถึงจุดหนึ่ง ก็จะทำให้กิจการล้มละลายได้

ดังนั้นเมื่อมองความเสี่ยงในส่วนนี้ การเก็บเงินไว้ใน Binance จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลย เนื่องจากถ้าคุณรัก Binance คุณจะช่วยกันถอนเงินออกเพื่อพิสูจน์ความโปร่งใสและความจริงใจของ Binance ถ้าคุณเกลียด Binance คุณจะถอนเงินออกเพื่อให้ Binance ถูกจับโป๊ะได้ และถ้าคุณรักเงินของคุณ คุณไม่ควรเอามันไปวางไว้ในมือที่สามแต่แรกอยู่แล้ว

คราวนี้มีคนบอกว่า ถอนมา Bitkub ปลอดภัยกว่ามั๊ย จึงตอบว่า ในสภาพสถานการณ์นี้ ปลอดภัยกว่าครับ เนื่องจาก Exchange ในไทยมีกฎหมายควบคุมที่เข้มงวด ไม่สามารถเปิดเทรด margin / futures/ options / perpetuals / cfds / derivatives ต่าง ๆ ได้ และจำเป็นต้องเก็บเงินของลูกค้าแยกส่วนให้ชัดเจน และยังโดนบังคับให้เก็บ 90% เอาไว้ใน cold storage เพื่อป้องกันการแฮคอีก (แน่นอนว่ารวมถึง Satang Pro ด้วยครับ และในกรณีของ Zipmex ก็เห็นได้ว่าส่วนที่อยู่ในไทยก็ปลอดภัยดี แต่ส่วนที่ลูกค้าโอนไปสิงคโปร์ระเบิดหมด)

ข้อกำหนดต่าง ๆ ทำให้ exchange ในไทย ไม่มีผลิตภัณท์ทางการเงินใด ๆ ไปแข่งขันกับใครเขาได้ แต่ในเวลาที่ทุก derivatives ทุก earning program กำลังถูกท้าทาย มันกลับกลายเป็นความมั่นคงปลอดภัยนะ แต่แน่นอนครับ Not your keys not your coins ยังไงการ self custody คือการเก็บสินทรัพย์ เก็บเงิน ไว้ใน wallet ที่เราสร้างและเก็บคีย์เองอย่างถูกต้อง ย่อมเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการเก็บรักษาเงินระยะยาว ยังไงก็ควรศึกษา ฝึกฝน และเรียนรู้การสร้าง และ เก็บรักษา private keys (seed) ให้ปลอดภัยไว้ดีที่สุดครับ เมื่อเราระแคะระคายใจเราสามารถถอนเงินออกมาเพื่อความปลอดภัยด้วยการเก็บเองก่อนได้เสมอ”

ทั้งนี้ในโพสต์ชี้แจงเหตุผลดังกล่าว อาจารย์ตั๊มยังได้กล่าวปิดท้ายไว้ด้วยว่า

สุดท้าย ก็หวังว่าคนจะถอนเงินออกจาก Binance กันเยอะ ๆ ครับ เพราะถ้าไม่ล้ม เราก็จะได้มี exchange ที่เป็นมาตรฐานที่ดีได้ ถ้าล้ม ก็คือการกำจัดเนื้อรายก่อนที่มันจะใหญ่ไปกว่านี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ถือเป็นเรื่องดีทั้งสิ้นในระยะยาวครับ ถอนกันเถอะ

สรุปเหตุผลตามมุมมองของอาจารย์ตั๊ม

เหตุผลที่ว่าทำไมช่วงนี้การเก็บคริปโตในเว็บเทรดไทยอย่าง Bitkub รวมถึง Satang Pro อาจปลอดภัยกว่า Binance ตามมุมมองของอาจารย์ตั๊ม คือ เว็บเทรดในไทยมีกฎหมายควบคุมที่เข้มงวด ได้แก่กฎที่ว่า เว็บเทรดในไทยจะไม่สามารถเปิดเทรด margin / futures/ options / perpetuals / cfds / derivatives ต่าง ๆ ได้ และจำเป็นต้องเก็บเงินของลูกค้าแยกส่วนให้ชัดเจน รวมทั้งต้องมีการเก็บทุนสำรอง 90% เอาไว้ใน cold storage เพื่อป้องกันการแฮ็กนั่นเอง

บทความนี้เป็นเพียงการรายงานข้อเท็จจริงเท่านั้น ทางสยามบล็อกเชนไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนในทางอื่น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและการตัดสินใจลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้

ที่มา: Piriya Sambandaraksa