<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักลงทุนชื่อดัง ‘Kevin O’Leary’ ออกโรงแฉ Binance ว่ามีเจตนาทำให้เว็บเทรด FTX ล่ม

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นักลงทุนและผู้จัดรายการเรียลลิตี้ธุรกิจชาวแคนาดาอย่าง ‘Kevin O’Leary’ มีคำกล่าวที่น่าจับตามองระหว่างการพิจารณาคดีของ FTX ในวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา โดยในวันนี้ O’Leary ได้กล่าวโจมตีกระดานเทรดเบอร์หนึ่งของโลก โดยอ้างว่า Binance ‘ตั้งใจ’ ที่ทำให้เกิดการล่มสลายของ FTX

คำกล่าวอ้างของ O’Leary ปรากฏขึ้นในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการการธนาคาร การเคหะ และกิจการเมือง อีกทั้งนักธุรกิจคนดังยังกล่าวอีกว่า “Binance เป็นการผูกขาดขนาดใหญ่และไร้การควบคุมโดยหน่วยงานในตอนนี้”

หนึ่งในกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง FTX ได้พังทลายลงอย่างน่าเหลือเชื่อไปเมื่อเดือนที่แล้ว จนทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติต้องกลับไปทบทวนวิธีการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่อีกครั้ง ซึ่งชื่อของการพิจารณาวันนี้คือ “Crypto Crash: ทำไมฟองสบู่ FTX ถึงล้มละลายและเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน”

O’Leary นักลงทุนอีกหนึ่งคนที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจาก FTX ได้ออกมากล่าวในการพิจารณาคดีว่า “ผมมีความคิดเห็นที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้จะเปิดเผย เนื่องจากมีคนหนึ่งที่ทำให้อีกคนหนึ่งต้องก้าวเดินออกจากธุรกิจไปโดยเจตนา”

กระดานเทรดที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Binance เป็นตัวการแรกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของ FTX เมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจาก CEO Changpeng “CZ” Zhao ประกาศว่าเขาต้องการเทขายเหรียญ FTT จนนำไปสู่การก่อให้เกิดวิกฤตสภาพคล่อง จน FTX จำเป็นต้องยื่นฟ้องล้มละลายในวันต่อมา

การล้มละลายของ FTX ทำให้ตลาด Crypto ได้รับความสูญเสียอย่างมหาศาล รวมไปถึงหลายบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ในวันนี้ O’Leary ยังโต้แย้งถึงกฎระเบียบที่มีความเข้มงวดขึ้น โดยสังเกตว่า LedgerX แพลตฟอร์มการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ของ FTX เป็น “แพลตฟอร์มเดียวที่ไม่ได้ล้มละลาย” เนื่องจากถูกควบคุมโดย Commodity Futures Trading Commission

“ไม่ใช่บริษัทเพียงเดียว” Sen. Cynthia Lummis (R-WY) กล่าวในการพิจารณาคดีว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้อง “แยกสินทรัพย์ดิจิทัลออกจากองค์กรที่ทุจริต”

“FTX เป็นตัวอย่างที่ดีของการฉ้อโกงแบบเก่า” เธอกล่าว “การจัดการที่ผิดพลาด ความล้มเหลวของผู้คน การควบคุมที่ไม่เพียงพอคือสิ่งที่อยู่ในนั้น เราจำเป็นต้องควบคุมธุรกิจนี้และวางสินทรัพย์ดิจิทัลไว้เหนือกรอบทางการเงินที่เรามีอยู่”

ที่มา: decrypt