<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ Elizabeth Warren เสนอนำกฏ KYC/AML มาใช้กับกระเป๋าเงินที่จับต้องได้ทั้งหมด

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Elizabeth Warren วุฒิสมาชิกแห่งรัฐ Massachusetts และผู้เขียนหนังสือ Pow Wow Chow ดูเหมือนว่าจะได้เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งตามมาตรการล่าสุดเพื่อปกป้องเงินของชาวอเมริกัน โดยนำเสนอกฎหมายที่กำหนดให้ต้องรายงานข้อมูล KYC/AML จากกระเป๋าเงินที่จับต้องได้ (Physical Wallet) ทั้งหมด โดยเธอได้แสดงความกังวลว่า “กระเป๋าเงินอาจถูกใช้เป็นที่เก็บเงิน Physical dollar ที่รัฐบาลไม่สามารถติดตามได้”


ในการปราศรัยล่าสุด Warren กล่าวว่า “ลองคิดดูสิ ในกระเป๋าเครื่องหนังเหล่านี้ของทุกคนคือที่ ๆ เราใช้ในการเก็บเงินดอลลาร์ บัตรเครดิต และบางครั้งก็รวมถึงบัตรเข้าชมภาพยนตร์ แต่สิ่งเหล่านี้ใช้ทำอะไร? มันควรเป็นสิ่งที่กรมธนารักษ์ควรติดตามได้”

ทั้งนี้รายงานจากสื่อข่าว NBC News เปิดเผยถึงข้อกำหนดที่ว่า “ผู้ผลิตกระเป๋าเงินต้องมีข้อมูล KYC ที่ประกอบด้วยชื่อ, หมายเลขประกันสังคม (SSN), เชื้อชาติ และรูปแบบการใช้จ่ายของกระเป๋า Physical Wallet โดยจะต้องรายงานข้อมูลทั้งหมดไปยังกระทรวงการคลัง”

หลังจากมีการประกาศมาตรการดังกล่าว ผู้ผลิตกระเป๋าเงินชื่อดังต่าง ๆ รวมไปถึง Ralph Lauren และ Fossil ต่างกังวลว่าข้ อเสนอนี้จะทำให้ราคาของกระเป๋าเงินสูงขึ้นเป็นอย่างมาก และอาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด


ทางด้าน Warren ตอบโต้ข้อกังวลของผู้ผลิตกระเป๋าเงินโดยกล่าวว่า “ฉันได้ยินมาว่ามีมหาเศรษฐีบางคนที่ไม่สนับสนุนเรื่องนี้ ให้ฉันบอกคุณเถอะว่าถึงเวลาแล้วที่แมวอ้วนพวกนั้นจะต้องเข้าร่วม และใส่เทคโนโลยีที่จำเป็น เพื่อทำให้กระเป๋าเงินเหล่านี้เป็นไปตามมาตรฐาน KYC/AML”

ร่างกฎหมายนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “พระราชบัญญัติต่อต้านการฟอกเงินในกระเป๋าเงิน Physical Wallet ปี 2022” ซึ่งพระราชบัญญัติฉบับนี้ก็ทำให้ชาวอเมริกันพากันตกตะลึง และยังนำไปสู่ความแตกแยกทางการเมืองอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ Warren เคยแสดงความต้องการที่จะควบคุมอุตสาหกรรมกระเป๋าเงินที่จับต้องได้ หลังจากเรียนรู้ว่าเงินสดสามารถใช้ซื้อตั๋วเข้าชมการแสดงของ Dave Chappelle ได้ อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้คาดว่าจะถูกตรวจสอบอย่างจริงจัง เนื่องจากในหลาย ๆ ประเด็น

ส่วนที่สำคัญที่สุด คือ การบังคับให้ผู้ผลิตกระเป๋าเงินต้องรวมชิปคอมพิวเตอร์และเสาอากาศไร้สายไว้ในกระเป๋าเงินจริงทั้งหมด จะทำให้ชาวอเมริกันถูกจำกัดเสรีภาพในการพูด และถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัว

ร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้เครือข่ายบังคับใช้อาชญากรรมทางการเงิน (FinCEN) ดำเนินการตามมาตรการ แต่ในด้านของสถาบัน CATO กลับแสดงความเห็นว่ามาตรการนี้ “เป็นการโจมตีโดยตรงที่สุดต่อเสรีภาพส่วนบุคคล และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้สกุลเงินที่เราเคยเห็น”

ที่มา: dailysybil