เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สื่อข่าวดังอย่าง The New York Times เปิดเผยว่าผู้บริหารของ Google ได้ออก “code red” หรือ “รหัสแดง” ท่ามกลางกระแสความนิยมใน ChatGPT ซึ่งเป็นบอทสนทนาที่สร้างโดย OpenAI เนื่องจากเกิดความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเครื่องมือค้นหาของ Google
ตามบันทึกภายในและการบันทึกเสียงที่ตรวจสอบโดยสื่อข่าว พบว่า Sundar Pichai ผู้บริหารของ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ได้เข้าร่วมการประชุมหลายครั้งเกี่ยวกับกลยุทธ์ AI ของ Google และได้ชี้นำให้กลุ่มต่างๆ ในบริษัทมุ่งเน้นไปที่ความพยายามในการจัดการกับภัยคุกคามอย่าง ChatGPT เนื่องจากแชทบอทดังกล่าวมีอิทธิพลอย่างมากต่อธุรกิจเสิร์ชเอ็นจิ้น
ทีมวิจัยฝ่ายความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของ Google ได้รับคำสั่งให้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เพื่อช่วยในการพัฒนาและการเปิดตัวต้นแบบและผลิตภัณฑ์ AI ใหม่ โดยพนักงานบางคนได้รับมอบหมายให้สร้างผลิตภัณฑ์ AI ที่สร้างงานศิลปะและกราฟิกที่คล้ายกับ DALL-E ของ OpenAI ที่ผู้คนนับล้านใช้
เป้าหมายใหม่ของ Google ในการสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่พนักงานและผู้เชี่ยวชาญของ Google ต่างถกเถียงกันว่า ChatGPT ซึ่งดำเนินการโดย Sam Altman อดีตประธาน Y Combinator นั้นมีศักยภาพที่จะแทนที่เครื่องมือค้นหา และส่งผลเสียต่อรายได้หลักจากโฆษณาของ Google
Sridhar Ramaswamy ผู้ดูแลทีมโฆษณาของ Google ระหว่างปี 2013 – 2018 กล่าวว่า ChatGPT สามารถป้องกันไม่ให้ผู้ใช้คลิกลิงก์ Google ที่มีโฆษณา ซึ่งเป็นรายได้กว่า 208,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 81% ของรายได้โดยรวมของ Alphabet ในปี 2022
ChatGPT มีผู้ใช้งานรวมกว่า 1 ล้านคน ภายใน 5 วันหลังจากเปิดตัวสู่สาธารณะ แม้จะเป็นแชทบอทอัจฉริยะที่เหนือความคาดหมายของผู้คนทั่วโลก แต่บางคนก็สังเกตเห็นว่าบอทดังกล่าวมักเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด เนื่องจาก ChatGPT ไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงในสิ่งที่พูดได้ และไม่สามารถแยกแยะระหว่างข้อเท็จจริงที่ได้รับการยืนยันกับข้อมูลที่ผิด ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่นักวิจัย AI เรียกว่า “ภาพหลอน” อีกทั้งบอทยังสามารถสร้างการตอบสนองที่ไม่เหมาะสมอย่างการเหยียดเชื้อชาติหรือการเหยียดเพศได้อีกด้วย
ข้อผิดพลาดต่าง ๆ ของ ChatGPT ทำให้ Google ลังเลที่จะเปิดตัว AI แชทบอทของคัวเองอย่าง LaMDA ซึ่งย่อมาจาก Language Model for Dialogue Applications โดยรายงานล่าสุดของ CNBC ระบุว่าผู้บริหารของ Google ไม่เต็มใจที่จะเผยแพร่บอทดังกล่าวในปัจจุบัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับ “ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง”
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวกับสื่อข่าว Times ว่า Google อาจมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงเครื่องมือค้นหาเมื่อเวลาผ่านไปแทนที่จะเลิกใช้โดยสมบูรณ์ แม้จะมีรายงานว่า Google ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนา AI ตัวใหม่ ซึ่งทุกคนอาจได้เห็นผลิตภัณฑ์นี้ในการประชุมนักพัฒนาซอฟต์แวร์ประจำปีของ Google ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม
ที่มา: businessinsider