นับว่าปี 2022 เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับตลาด Cyrpto ด้วยการเกิดตลาดหมีที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่ง และการล่มสลายของแพลตฟอร์มใหญ่บางแพลตฟอร์มในวงการ รวมทั้งสภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มได้รับผลจากโรคระบาดซึ่งมีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรม Crypto
และการล่มสลายต่อไปนี้ คือการล่มสลายที่นับว่าเป็นการครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นภายในวงการ Crypto ในปี 2022 นี้
การแฮก Ronin Bridge ของ Axie Infinity
เมื่อเดือนมีนาคม Ronin ระบบบล็อกเชนที่ทำการรัน Axie Infinity เกม NFT ชื่อดัง ถูกแฮกเงินไปถึง 625 ล้านดอลลาร์ โดยคิดเป็น Ethereum 173,600 เหรียญและ USDC 25.5 ล้านเหรียญ ผ่านทาง Ronin bridge ในการทำธุรกรรม 2 ครั้งโดย Lazarus Group
การแฮกครั้งนี้เกิดขึ้นมื่อวันที่ 23 มีนาคม โดยแฮกเกอร์กลุ่มนี้ได้ทำการแฮก private key และเข้าควบคุม validator node ของ Ronin Chain จำนวน 5 node จากทั้งหมด 9 node ทำให้สามารถควบคุมเครือข่ายได้กว่าครึ่งและสามารถตอบรับหรือปฏิเสธการทำธุรกรรมภายในเครือขายได้ตามที่ต้องการ
การแฮกถูกพบในวันที่ 29 มีนาคม ขณะที่ผู้ใช้งานได้รายงานว่าผู้ไม่ประสงค์ดีไม่สามารถถอน Ethereum จำนวน 5,000 เหรียญจาก ATM ของ Ronin bridge ได้ อย่างไรก็ดีหลังจากการถูกแฮก ผู้พัฒนา Axie Infinity ได้ทำการระดมทุนจำนวน 150 ล้านดอลลาร์เพื่อชดเชยให้แก่ผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้
การล่มสลายของ TerraUSD และ LUNA
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม TerraUSD กว่า 2 พันล้านดอลลาร์ถูกย้ายออกจาก Anchor Protocol เงินหลานล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูญหายไปกับอากาศอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบชัดเจนว่าเกิดจากการที่บล็อกเชนของ Terra ถูกโจมตีหรือเกิดจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย การที่มีเงินไหลออกอย่างมหาศาลทำให้ UST หลุด peg จาก 1 ดอลลาร์เป็น 0.91 ดอลลาร์ เป็นผลให้นักเทรดในตลาดทำการเทรด UST ในราคา 0.90 ดอลลาร์กับ LUNA ที่ราคา 1 ดอลลาร์
การที่ UST depegged ทำให้ LUNA มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากการที่เหล่านักลงทุนขาย UST ในมือด้วยความตื่นตระหนก
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ตลาดซื้อขาย Crypto เริ่มระงับคู่เทรดที่มี UST และ LUNA ส่วน Do Kwon อดีต CEO และผู้ก่อตั้ง Terra Labs ได้ทำการเปิดเผยแผนฟื้นฟู LUNA และทุกอย่างดูเหมือนจะมีทิศทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม มูลค่าของ Crypto ทั้งสองสกุลยังคงร่วงลง และ Terra ได้ประกาศ Crypto สกุลใหม่ในชื่อ LUNA 2.0
บรรดานักลงทุนสูญเงินไปกว่า 60 ล้านดอลลาร์จากการเทขายโทเค็นในมือจากความตื่นตระหนกที่มาพร้อมกับการร่วงลงของราคา USTC และ LUNC และในวันที่ 14 กันยายน ศาลเกาหลีใต้ได้ออกประกาศจับ Do Kwon และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอีก 5 คนในข้อหาละเมิดข้อจำกัดของตลาดในภูมิภาค
การล่มสลายของ Three Arrows Capital
เมื่อ Terra ล่มสลาย กองทุน Crypto ป้องกันความเสี่ยงของ Three Arrows Capital (3AC) ซึ่งมีมูลค่าตลาดกว่า 560 ล้านดอลลาร์ ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง 3AC ได้ทำการลงทุนในโปรเจกต์ Crypto หลายโปรเจกต์ รวมทั้ง Axie Infinity ที่ถูกแฮกไป 625 ล้านดอลลาร์ และ BlockFi กระดานเทรดแบบรวมศูนย์ที่ทำการถอดพนักงานออกกว่าร้อยคนในกลางเดือนมิถุนายน
การล่มสลายของ UST สั่นคลอนความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนและเร่งการถอนตัวออกจากตลาด Crypto ที่มีความเสี่ยง 3AC ขาดเงินทุนที่ต้องคืนให้แก่เหล่าผู้กู้ที่ขอ margin call 3AC ผิดนัดชำระเงินที่กู้ยืมมาจากสถาบันต่าง ๆ ร่วม 20 สถาบันและล่มสลายลง
การล่มสลายของ Voyager Digital
ในวันที่ 6 มิถุนายน Voyager Digital บริษัทลงทุน Crypto ยื่นฟ้องล้มละลายหลังจาก 3AC ผิดนัดชำระหนี้จำนวน 650 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง 3AC ได้ทำการกู้ยืม Voyager Digital โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำให้ Voyager Digital สูญเงินของลูกค้าเป็นจำนวนมาก จึงส่งผลให้แพลตฟอร์มได้ทำการระงับการเทรด ฝาก และถอนทันทีที่ 3AC ผิดนัดชำระ แม้เมื่อเดือนพฤษภาคม Sam Bankman-Fried มหาเศรษฐี CEO บริษัท FTX และ Alameda Research จะเสนอเงินจำนวน 500 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือจากการล่มสลายของตลาด
จากข้อมูลของ Voyager Digital ทางบริษัทติดค้างหนี้เป็นจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์และมีลูกหนี้ราว 100,000 ราย อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทเชื่อว่า บริษัทมีสินทรัพย์รวมมูลค่าราว 1 พันล้านดอลลาร์ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ และรับประกันว่า ทางบริษัทมีเงินเพียงพอที่จะชำระเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัท
การล่มสลายของ FTX
FTX และ FTX US ได้ยื่นฟ้องล้มละลายเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน จากการขาดสภาพคล่องทางการเงินและการจัดการการเงินที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการแห่ถอนเงินออกเป็นจำนวนมาก และในช่วงเย็นของวันเดียวกัน กระเป๋าเงินของ FTX ได้ถูกแฮกเงินออกไปเป็นจำนวน 600 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากผู้ใช้งาน Twitter บางส่วน แฮกเกอร์ได้พยายามเข้าถึงบัญชีธนาคารที่ทำการเชื่อมกับ FTX อีกด้วย
Sam Bankman-Fried อดีต CEO ของ FTX ได้ถูกจับกุมที่ประเทศบาฮามาสในวันที่ 12 ธันวาคมด้วยข้อหา 8 ข้อหา รวมไปถึงข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงนักลงทุน ก่อนจะถูกส่งตัวไปยังสหรัฐฯ และรอดำเนินคดีหลังจากยื่นประกันตัวด้วยเงินจำนวน 250 ล้านดอลลาร์
แม้ว่าปี 2022 จะเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับตลาด Crypto แต่ยังพอมีความหวังบ้างจากการความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการที่ตลาด Crypto มีการฟื้นตัวจากตลาดหมีและการล่มสลายของแพลตฟอร์มเสมอ สิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้ จึงอาจเป็นเพียงการถางทางไปสู่แพลตฟอร์มใหม่ที่จะทำการเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น
ที่มา: Cointelegraph