<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Tokenine เปิดตัวแพลตฟอร์ม J2O TARO โปรเจกต์ Layer-2 แรกของเครือข่าย JFIN Chain

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Tokenine ผู้ให้บริการพัฒนาเทคโนโลยี บล็อกเชน เปิดตัวเครือข่ายบล็อกเชน J2O TARO ที่จะทำให้นักลงทุนได้พบมิติใหม่ด้วยจุดเด่นในเรื่องของความเร็วสูง เท่านั้นยังไม่พอ ยังสามารถรองรับการทำธุรกรรมได้มากถึง 20,000 รายการต่อวินาที เตรียมเชิดฉายในฐานะเชนในภาคธุรกิจที่มีแนวโน้มมาแรงในปี 2565

J2O TARO คืออะไร?

J2O TARO เป็นแพลตฟอร์ม Layer-2 โปรเจกต์แรกบนเครือข่ายยอดนิยมของคนไทยอย่าง JFIN ซึ่งถูกพัฒนาโดย บริษัท โทเคนไนน์ จำกัด (Tokenine) และด้วยความสามารถในเรื่องของความเร็ว และการรองรับธุรกรรมได้มากถึง 20,000 รายการต่อวินาที ทำให้แพลตฟอร์มนี้เหมาะที่จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นโครงสร้างพื้นฐาน

ทั้งนี้เทคโนดลยีบล็อกเชนที่จะใช้กับแพลตฟอร์มจะเน้นไปที่ความรวดเร็ว อย่างระบบการลงคะแนนเสียง ระบบเกม ระบบการแจกเหรียญ และระบบอื่น ๆ อีก นอกจากนั้นแล้ว ผู้ใช้งานสามารถนำเหรียญ JFIN มาแลกเป็นเหรียญ TARO เพื่อมาใช้เป็นค่าธรรมเนียมได้

การทำงานของ J2O TARO

สำหรับการทำงานบนเครือข่ายนั้น ทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นจะถูก Roll Up แล้วหลังจากนั้นจึงบันทึกลงบนเครือข่ายของ JFIN (ซึ่งเป็น Layer-1) โดยการทำงานของแพลตฟอร์มนี้ใช้เทคโนโลยี “Optimistic Rollups” เวอร์ชัน 2 (V2) ที่ชื่อ “Bedrock” ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม Rollups ล่าสุดที่ถูกที่สุด เร็วที่สุด และล้ำหน้ามากที่สุดในตอนนี้ ที่นักพัฒนาทั่วโลกส่วนใหญ่ให้การยอมรับ

“Optimistic Rollups” เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ต่อยอดมาจากบล็อกเชนอีเทอเรียม ( Ethereum) โดยข้อมูลธุรกรรมจะยังไม่ถูกยืนยันความถูกต้องบน Execution Layer แต่จะทำการม้วนหลาย ๆ ธุรกรรมและบีบอัดข้อมูลให้เหลือชุดเดียว (Rollup) ก่อนจะส่งต่อไปบันทึกลงในบล็อกเชนเครือข่ายหลักหรือ Consensus Layer เพื่อเข้าสู่กระบวนการทำฉันทามติ (Consensus) หรือการยืนยันความถูกต้องของข้อมูลก่อนบันทึกลงในบล็อกเชนด้วยกลไกที่ต่างกันไป เช่น แบบ Proof-of-Work (PoW) หรือแบบ Proof-of-Stake (PoS) เป็นต้น

อย่างไรก็ดีการทำงานของ Layer-2 จะไม่มีการ Consensus เหมือนกับ Layer-1 ทำให้ประหยัดเวลามากขึ้นเพราะไม่จำเป็นต้องรอขอ Consensus 

ทาง J2O TARO ได้เปิดให้บริการ Mainnet Beta ไปเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมาและทางแพลตฟอร์มจะทยอยเปิดบริการต่าง ๆ เพิ่มขึ้นในอนาคต อย่างเช่น เกมส์, Metapolis, Point Dex, Vfun Ticket รวมถึงระบบอื่น ๆ ที่ต้องการใช้บล็อกเชนที่รองรับธุรกรรมจำนวนมาก ๆ

ผู้ก่อตั้ง Tokenine อย่างคุณนายโดม เจริญยศ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเคไนน์ จำกัด (Tokenine) ได้พูดถึง มุมมองต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในปี 2023 ที่จะถึงนี้ว่า สถานการณ์อาจจะยังไม่ดีขึ้นมากนักจากปีนี้ ซึ่งเป็นปกติของสภาวะตลาดหมีที่จะกินเวลาหลายปีในแต่ละรอบ ประกอบตลาดยังถูกซ้ำเติมอีกหลายวิกฤตตลอดทั้งปี 

อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่อยู่ในวงการนักพัฒนามาอย่างยาวนาน ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมบล็อกเชนปีหน้ามีแนวโน้มดีขึ้น และจะเริ่มเห็นการขยายการใช้งานออกนอกวงการการเงินมากยิ่งขึ้น

ที่มา : hoonsmart