Charlie Munger มหาเศรษฐีและมือขวาของมหาเศรษฐีในตำนานอย่าง Warren Buffett กล่าวว่า เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนในทุกวันนี้ถึงไม่พอใจกับสิ่งที่พวกเขามี โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับช่วงเวลาอันยากลำบากตลอดช่วงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา
“ผู้คนมีความสุขกับสถานการณ์ในตอนนี้น้อยกว่า ตอนที่สถานการณ์ยังคงยากลำบาก” เขากล่าวเมื่อต้นปีที่ผ่านมาในการประชุมประจำปีของ Daily Journal สื่อข่าวที่เขาเป็นผู้อำนวยการอยู่
Munger ได้กล่าวถึงสถานการณ์เมื่อช่วงทศวรรษที่ 1930 ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวอเมริกันทุกหนแห่งต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก “มันแปลกสำหรับบางคนในช่วงอายุเดียวกับผม เพราะว่าผมอยู่เคยอยู่ท่ามกลางเหตุการณ์วิกฤต Great Depression ที่มีความยากลำบากอย่างน่าเหลือเชื่อ”
ในระหว่างการประชุมประจำปี Charlie Munger ได้แสดงความข้องใจว่า ความอิจฉาเป็นแรงขับเคลื่อนของคนหลายคนในปัจจุบัน ในช่วงต้นศวรรษที่ 1800 เป็นช่วงที่ชีวิตของผู้คนในยุคนั้นโหดร้าย และเต็มไปด้วยข้อจำกัดกว่าร้อยปี ไม่มีสื่อสิ่งพิมพ์ ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ไม่มียารักษาโรคที่ทันสมัย
เขาเล็งเห็นว่า ความอิจฉาที่ปกคลุมในโลกสมัยใหม่อาจเป็นเพราะเงินตรา โดยการวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ผู้คนกว่า 75% มีความอิจฉาในใครบางคนเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี
สื่อโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Instagram และ Twitter เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการจุดประกายความอิจฉาริษยาเป็นอย่างมาก และมักเชื่อมโยงพวกเราเข้ากับคนที่แสดงตัวว่ากำลังอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิตเท่านั้น
ในการประชุม Charlie Munger ได้ยกตัวอย่างงานวิจัยของ Steven Pinker นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผู้ซึ่งแย้งว่า คุณภาพชีวิตของคนทั้งโลกได้พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงหนึ่งถึงสองศตวรรษที่ผ่านมา โดยอ้างอิงหลักฐานอย่างอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ที่ยาวนานขึ้น และความยากจนของประชากรโลกที่ลดน้อยลง
อย่างไรก็ตาม มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่าออกมาโต้แย้งมุมมองของ Steven Pinker ว่ามีความเรียบง่ายเกินไป และไม่สนใจด้านลบของชีวิตสมัยใหม่จากความเหลือมล้ำที่เพิ่มมากขึ้น ความรุนแรง และความไม่มั่นคงทางการเมือง ซึ่งสามารถสร้างความเจ็บปวดให้แก่คนรุ่นใหม่ได้
เมื่อปี 2019 Charlie Munger ได้มองผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำและรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริง และอ้างว่าเหล่านักการเมืองที่พูดถึงเรื่องนี้ “เป็นพวกโง่” ซึ่งนักการเมืองบางคนอย่าง Vermont Sen, Bernie Sanders, Massachusetts Sen และ Elizabeth Warren ที่ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการขึ้นภาษีผู้ที่มีความมั่งคั่งสูงเมื่อปีที่ผ่านมา และ Charlie Munger ที่มีรายได้สุทธิสูงถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์ อาจจะเป็นเป้าหมายของการขึ้นภาษีนี้ด้วย
ก่อนหน้านี้ Charlie Munger ได้แสดงความกังขาเกี่ยวกับอัตราภาษีของผู้มีความมั่งคั่งสูง และได้แย้งเมื่อปีที่แล้วว่า ความเหลื่อมล้ำบางอย่างมีความจำเป็นต่อเศรษฐกิจของตลาดเสรี และในการประชุมประจำปีของ Daily Journal ในปีนี้ เขาได้เสริมว่า คนส่วนใหญ่กังวลถึงความเหลือมล้ำและมองว่าการวิจารณ์ผู้ที่มีความมั่งคั่งนั้นเกิดจากความอิจฉา
“ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า หลายคนไม่มีความสุขและรู้สึกว่าตัวเองถูกทารุณหลังจากที่ทุกอย่างมีการพัฒนามากขึ้นถึง 600% เพราะว่ายังคงมีใครบางคนที่มีมากกว่าคนอื่น” เขากล่าว
ที่มา: CNBC