Paul Krugman นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์เมื่อปี 2008 ได้ทำการกล่าวเปรียบเทียบหุ้นของ Tesla และ Bitcoin ว่า ความนิยมและความศรัทธาเป็นสิ่งที่หนุนมูลค่าของสินทรัพย์ทั้งสอง พร้อมทั้งเล่นมุกติดตลกว่า เขาจะไม่ไว้ใจให้ Elon Musk ดูแลแมวของเขาแน่
ราคาหุ้น Tesla ได้พุ่งทะยานถึง 13 เท่าในช่วงระหว่างต้นปี 2020 ถึงเดือนพฤศจิกายนปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาหุ้นของ Tesla พุ่งแตะจุดสูงสุด ก่อนจะร่วงลง 73% หลังจากนั้น ทำมูลค่าตลาดของรถไฟฟ้าหายไปจาก 1.2 ล้านล้านดอลลาร์เหลือเพียง 350 ล้านดอลลาร์เมื่อปิดตลาดในวันอังคารที่ผ่านมา
Krugman ยังตั้งคำถามด้วยว่า “เรื่องราวของ Tesla สมเหตุสมผลรึเปล่า?” ในคอลัมน์ที่เผยแพร่บนหนังสือพิมพ์ New York Times ในวันอังคาร โดยเขาได้แย้งว่า Tesla ไม่ได้มีมูลค่ามากเท่า Apple, Microsoft และบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีทั้งหลาย จากการที่ Tesla ไม่ได้รับประโยชน์จากผลกระทบของเครือข่ายใด
ในขณะที่ Apple มีระบบนิเวศของอุปกรณ์ แอพพลิเคชัน และบริการ ที่ดึงไม่ให้ผู้ใช้งานหลุดออกจากระบบนิเวศได้โดยง่าย ส่วน Microsoft Word และ Excel ยังคงเป็นตัวเลือกหลักของธุรกิจต่าง ๆ จากการที่ทั้งสองโปรแกรมนี้ถูกใช้จนคุ้นเคยและเป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรม
ต่างจาก Tesla ที่มุ่งเข้าร่วมการแข่งขันในด้านรถไฟฟ้า กับ GM และ Ford ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถระดับตำนาน ทำให้ Tesla ไม่ได้รับผลกระทบที่ชัดเจนใดจากเครือข่ายผู้ใช้ Tesla ในการแข่งขันกับบริษัทคู่แข่ง Paul Krugman ยังได้ตั้งคำถามด้วยว่า Tesla จะทำการครองตลาดได้อย่างไร และจะสร้างผลประโยชน์ก้อนใหญ่ได้อย่างไรเมื่อความตื่นเต้นในผลิตภัณฑ์ของทางบริษัทได้จืดจางลง
“มันยากที่จะมองว่า อะไรที่สามารถทำให้ Tesla สามารถอยู่ในตลาดรถไฟฟ้าได้ในระยะยาว” เขากล่าว
เขายังได้กล่าวด้วยว่า ความนิยมใน Tesla ส่วนใหญ่มาจากมุมมองที่มีต่อ Elon Musk ว่าเป็น “คนคูล” แต่ภาพลักษณ์นั้นได้จืดจางลงไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เขายังได้ทำการเปรียบเทียบความนิยมที่เกินจริงกับความศรัทธาที่เป็นแรงกระตุ้นหุ้นของ Tesla ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์โรคระบาด กับการพุ่งขึ้นอย่างมากของราคา Bitcoin ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยระบุว่า Bitcoin อาจถูกใช้เพื่อฟอกเงิน และราคาของ Bitcoin นั้น พุ่งขึ้นจาก “กลุ่มคนที่เชื่อใน Bitcoin อย่างสุดใจ”
Paul Krugman ยังพูดถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในช่วงที่ Elon Musk เข้าครอง Twitter โดยตั้งแต่ที่เขาได้ขึ้นเป็น CEO ของ Twitter ในเดือนตุลาคม Twitter ได้ไล่พนักงานออกก่อนจะจ้างพนักงานเหล่านั้นใหม่ เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่แล้วปิดทิ้ง และปิดบัญชีผู้ใช้งานเพื่อที่จะคืนสถานะให้บัญชีเหล่านั้นในชั่วโมงต่อมา
“จากสิ่งที่ผมเห็นจากพฤติกรรมของ Elon Musk ผมคงไม่เชื่อใจเขาให้ดูแลแมวของผม นับประสาอะไรกับการดูแลองค์กรขนาดใหญ่” เขากล่าว
ที่มา: Insider