<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitcoin ยังอาย ! หุ้นไทย Delta ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นกว่า 239% ภายในปีเดียว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในปี 2022 ที่ผ่านมาเรียกได้ว่าเป็นปีที่หนักหนาสำหรับนักลงทุนแทบทุกตลาด อันเป็นผลมาจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED อีกทั้งยังรวมถึงวิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย ยูเครน และปัจจัยอื่น ๆ อย่างโรคระบาดโควิด-19 ที่ยังคงระบาดหนักอยู่ในประเทศจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างเห็นได้ชัด

และสิ่งที่น่าสนใจในปี 2022 ดูเหมือนเหมือนจะไม่ได้ตกอยู่ที่ตลาดคริปโต เมื่อกับปีที่ผ่าน ๆ มา เนื่องจากตลาดคริปโตนั้นทำผลงานได้ค่อนข้างไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่นัก

นับเริ่มตั้งแต่ต้นปีราคาคริปโตต่าง ๆ ก็พากันร่วงกราว นักเทรดหลายคนเองก็หวั่นใจ แต่เมื่อวิกฤตแรกได้เกิดขึ้นอย่างการล่มสลายของ Terra ก็ส่งผลกระทบต่อมาเป็นทอด ๆ ไปยังหลายบริษัทคริปโตจนก่อให้เกิดการล้มละลายตามมา 

และหลังจากการล่มสลายแล้วตลาดคริปโตก็เข้าช่วงขาลงอย่างหนัก แม้ว่าด้านนักวิเคราะห์หลายคนมองว่าราคาจะกลับตัวในเร็ววัน แต่ผ่านมาจนสิ้นปี ราคาก็ยังคงวิ่ง Sideway อยู่เหมือนเดิม และท้ายปีก็ยังเจอมรสุมวิกฤตใหญ่อีกรอบหนึ่งจากการล้มละลายของกระดานเทรดระดับโลก FTX 

ด้าน Bitcoin พี่ใหญ่สุดของโลกคริปโตตามที่ทุกคนเข้าใจนั้น ก็ยังเป็นผู้นำในแง่ของร่วงลงของราคาอยู่ ซึ่งในช่วงตลอด 1 ปีที่ผ่านมา การเคลื่อนที่ของราคา Bitcoin ที่เรามักจะเห็นจะเป็นการเคลื่อนที่ลงข้างล่างและออกข้าง ๆ เพียงอย่างเดียว

จากภาพข้างต้น จะเห็นเลยได้ว่า Bitcoin นั้นได้อยู่ในตลาดหมีมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน 

สำหรับการเทรดแบบ Spot อาจจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้านักที่ต้องยอมรับว่า มูลค่าเม็ดเงินที่ลงทุนไปในตอนแรกอาจจะลดลงไปเรื่อย ๆ ส่วนการเทรดแบบ Future นั้นยังดีที่มีโอกาสในการทำกำไรจากการเทรดฝั่งขาลง ด้วยการ “Short”

จากจุดสูงสุดของราคาในช่วง 1 ปี ไปจนถึงต่ำสุดเรียกได้ว่า ราคา Bitcoin นั้นลดลงมามากถึง 67.55% โดยในปี 2022 ราคาสูงสุดของ Bitcoin อยู่ที่ราคา 42,395 ดอลลาร์ และราคาต่ำสุดอยู่ที่ราคา 15,609 ดอลลาร์ และราคาปัจจุบันตอนนี้อยู่ที่ราคา 16,848 ดอลลาร์

หากคิดแบบง่าย ๆ เลย ก็คือซื้อ Bitcoin ที่ราคา 42,395 ดอลลาร์ จำนวน 1,000,000 บาท เราอาจจะเหลือเงินเพียง 3 แสนบาทเท่านั้น

ถัดมานอกจากตลาดคริปโตแล้ว เรามักจะนำผลตอบแทนจากตลาดหุ้นอื่น ๆ มาประกอบ  ซึ่งดูเผิน ๆ แล้วสถาการณ์ก็คล้าย ๆ ตลาดคริปโตมาก เพราะหากราคาตลาดหุ้นที่ร่วงลดลง ราคาตลาดคริปโตก็ลงเช่นกัน

แต่สิ่งที่น่าสนใจมันอยู่ตรงที่ มีหุ้นตัวหนึ่งที่เป็นที่จับตามองในสายตาของนักลงทุนไทย ซึ่งนั่นหลายคนอาจเคยได้ยินมาแล้ว นั่นก็คือ “หุ้นเดลต้า” นั่นเอง

Delta คือ หุ้นของ บริษัท เดลต้าอีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) หุ้นคนในโลกการลงทุน ต่างยกให้ว่าเป็น ‘เบอร์ 1 ม้ามืดในวงการตลาดหลักทรัพย์’ เลยทีเดียว

ราคาของหุ้นเดลต้านั้นเริ่มปี 2022 มาด้วยราคา 390 บาท และจบปีด้วยราคา 930 บาทต่อหุ้น โดยช่วงครึ่งปีแรกราคาได้มีการวิ่งออกข้าง โดยไปจบที่ราคา 290 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำที่สุดแล้วในปี 2022 ของเจ้าหุ้นตัวนี้

แต่หลังจากนับตั้งแต่เดือน 7 เป็นต้นไปราคาของหุ้นได้เริ่มเคลื่อนตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 930 ในปีนี้ และทำให้ เดลต้าอีเลคโทรนิคส์ มีมูลค่าบริษัทเป็นอันดับ 1 แซงหน้าบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ปตท. 

หากถามว่าอะไรกันแน่ที่เป็นสาเหตุที่แท้จริงของการเพิ่มขึ้นราคาหุ้นในครั้งนี้ อ้างอิงจาก เว็บไซต์ Thaitiger ได้ทำการวิเคราะห์เหตุผลในการเพิ่มขึ้นนั้น ทางเราเลยอยากจะขอสรุปมาเป็นข้อ ๆ ดังนี้

  • บริษัทเดลต้า เป็นบริษัทออกแบบและผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในปัจจุบันมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งกำลังเป็นกระแสอย่างมากในประเทศไทยอยู่ในตอนนี้
  • ลักษณะธุรกิจของ บริษัทเป็นแบบ B2B จึงทำให้ธุรกิจในไทยลามไปถึงโรงงานในไทยจำต้องพึ่งพานวัตกรรมของบริษัทเดลต้า
  • จำนวนหุ้นย่อย (free float) ของบริษัทนั้นมีเพียแค่ 22.3% เท่านั้นทำให้บุคคลทั่วไปแย่งกันเป็นเจ้าของหุ้น

โดยจากจุดราคาที่สูงที่สุดใน 1 ปี ไปจนถึงต่ำสุดเรียกได้ว่าเพิ่มมากขึ้นถึง 239% และราคาที่สูงที่สุดของเจ้าหุ้นตัวนี้อยู่ที่ 936 บาท ซึ่งราคาปัจจุบันอยู่ที่ 930 บาท และในส่วนของราคาต่ำสุดอยู่ที่ 290 บาท

หากคิดแบบง่าย ๆ เลย ก็คือซื้อหุ้นเดลต้า ที่ราคา 390 บาทเมื่อต้นปี จำนวน 1,000,000 บาท จนสุดท้ายเราอาจจะสามารถทำกำไรเพิ่มได้ถึง 1 ล้านบาทกันเลยทีเดียว 

สรุป

ด้วยผลประกอบการที่ไม่ค่อยสู้ดีนักของ ตลาดคริปโต จึงอาจทำให้ไม่มีเหรียญดัง ๆ ตัวไหนที่ราคาพุ่งเช่นหุ้นตัวนี้เลย แต่ว่าปัญหาและนโยบายการแก้ปัญหาต่าง ๆ ของ FED ในอนาคตอาจทำให้ทั้งสองตลาดผันผวนมากขึ้นอีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้อาจจะยังไม่มีอะไรแน่นอน

บทความนี้ไม่ได้เป็นการแนะนำการลงทุน บทความนี้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อเปรียบเทียบราคาแต่เพียงเท่านั้น การลงทุนในตลาดหุ้น และ คริปโทเคอร์เรนซี และ โทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ที่มา : thaitiger

ภาพ : moneyandbanking