องค์กรการกุศลบางแห่งตกลงที่จะคืนเงินให้โดยสมัครใจ บางแห่งก็ใช้เงินไปแล้ว และบางแห่งก็กำลังรอความชัดเจนทางกฏหมาย
สื่อ Wall Street Journal ได้รายงานเมื่อวันที่ 8 มกราคมว่า ผู้บริหารชุดใหม่ของบริษัท FTX กำลังพยายามกู้คืนเงินที่เคยบริจาคไปในช่วงที่กระดานเทรด FTX ยังมีนาย Sam Bankman-Fried หรือ SBF เป็น CEO
นาย John J. Ray หัวหน้าฝ่ายบริหารของบริษัท FTX ได้กล่าวว่าเป็นเรื่องยากที่จะคำนวณสินทรยัพ์และหนี้สินทั้งหมดของบริษัท หรือแม้แต่จำนวนบัญชีธนาคารของบริษัทที่มีอยู่
อัยการและหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลกลางได้กล่าวว่านาย SBF และบริษัท FTX และรวมถึงกองทุนป้องกันความเสี่ยง Alameda Research ได้ขโมยเงินของผู้ใช้และนำเงินหลายพันล้านดอลลาร์ของลูกค้าไปลงทุนในการลงทุนที่มีึวามเสี่ยง โดยบริษัท FTX และบริษัทในเครือได้ยื่นล้มละลายในเดือนพฤศจิกายน 2022
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นาย SBF ให้คำมั่นว่าเขาไม่มีความผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และการพิจารณาคดีอาญาของเขาจะมีขึ้นในเดือนตุลาคม 2023 และโฆษกของนาย SBF ได้กล่าวว่าเงินที่บริจาคให้กับองค์กรการกุศลเป็นเงินที่มาจากการทำกำไรของบริษัท ไม่ได้มาจากเงินของลูกค้า
ข้อมูลจากเว็บไซต์ Future Fund ระบุว่า กองทุน Future Fund ซึ่งเป็นกองทุนการกุศลของบริษัท FTX ได้บริจาคเงินไปแล้วกว่า 160 ล้านดอลลาร์ โดยบริจาคไปมากกว่า 110 องค์กรในเดือนกันยายน 2022
เงินบริจาคดังกล่าวได้มอบให้กับบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพและนักวิจัยของมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกับการทำวัคซีน COVID-19 และการรับมือกับโรคระบาด
นอกจากนี้ยังบริษัทให้คำปรึกษาที่ให้คำปรึกษาให้กับนักเรียนโปรแกรม STEM ในชนบทของอินเดียและจีน และบริษัทที่พัฒนาแผง Solar Cell ที่เป็นบริษัทไม่หวังผลกำไร
แม้จะเจอกับภาวะตลาดหมีของตลาดคริปโตในปี 2022 แต่กองทุน Future Fund ก็ยังบริจาคเงินมูลค่า 3.6 ล้านดอลลาร์แก่บริษัท AVECRIS เพื่อพัฒนาวัคซีน และบริจาค 5 ล้านดอลลาร์ให้กับ Atlas Fellowship เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักเรียนมัธยมปลาย
การบริจาคที่มากที่สุดเป็นการบริจาคให้กับบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพ HelixNano ซึ่งได้บริจาคไป 10 ล้านดอลลาร์เพื่อทำการทดลงวัคซีน COVID-19
ในวันที่ 19 ธันวาคม 2022 บริษัท FTX ได้ประกาศว่าได้รับการติดตามมาจากหลายหน่วยงานว่าต้องการคืนเงินที่ได้รับจากบริษัท FTX และบริษัทในเครือ
ยกตัวอย่างเช่น Alignment Research Center บริษัทวิจัย Machine Learning ที่ไม่แสวงหาผลกำไรเพิ่งประกาศว่าจะคืนเงินบริจาคจำนวน 1.25 ล้านดอลลาร์ที่ได้รับมาจาก FTX Foundation
และในวันที่ 20 ธันวาคม สื่อ ProPublica ซึ่งเป็นสื่อสืบสวนสอบสวนที่ไม่แสวงหาผลกำไรก็ได้กล่าวว่าจะคืนเงินจำนวน 1.6 ล้านดอลลาร์ที่ได้รับมาจากกองทุน Building A Stronger Future ซึ่งเป็นกองทุนของครอบครัวนาย SBF
อย่างไรก็ตามบริจาคและองค์กรการกุศลหลายแห่งได้ใช้เงินที่ได้รับบริจาคจากบริษัท FTX ไปแล้ว ตัวอย่างเช่นบริษัท Good Food Instirute ซึ่งเป็นหน่วยงานไม่แสดงหาผลกำไรที่พัฒนาเนื้อสัตว์จากเซลล์พืชได้ใช้เงินทุนทั้งหมดที่ได้รับจากบริษัท FTX ได้แล้ว
นอกจากนี้มหาวิทยาลัย Stanford ที่ได้รับเงินทุนไปประมาณ 4.5 ล้านดอลลาร์ก็ได้ใช้เงินไปส่วนหนึ่งแล้ว และทางมหาวิทยาลัยก็ได้บอกกับสื่อ WSJ ว่ากำลังถือเงินจำนวนที่เหลืออยู่และกำลังรอความชัดเจนทางกฏหมาย
ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ WSJ นาย SBF ได้บอกว่า แม้ว่าการบริจาคของเขาจะเป็นไปเพราะความจริงใจ แต่บางครั้งก็บริจาคเพื่อให้คนอื่นมองเขาดีขึ้น โดยเขาบอกว่า
“การที่ผมบริจาคเงิน 2,000 ดอลลาร์ให้กับองค์กรการกุศลมันก็เป็นสิ่งที่ช่วยโฆษณาบริษัท FTX ให้เป็นที่รู้จัก”
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายการล้มละลายได้บอกกับสื่อ WSJ ว่าองค์กรการกุศลจะต้องคืนเงินบริจาคหรือไม่นั่นขึ้นอยู่กับว่าตอนที่บริจาคบริษัทนั้นกำลังล้มละลายหรือไม่ และนอกจากนี้บริษัทที่รับเงินทุนจาก FTX Foundation อาจได้รับความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม หากศาลตัดสินว่า FTX เป็นแชร์ลูกโว่ บริษัทก็จำเป็นที่ต้องคืนเงินตามที่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายล้มละลายระบุ
SBF ยังเป็นหนึ่งในผู้ที่บริจาคเงินให้พรรคการเมืองในสหรัฐฯ โดยได้บริจาคเงินไปประมาณ 80 ล้านดอลลาร์ในเวลา 18 เดือน
1 วันหลังจากที่นาย SBF ถูกจับกุม นาย Damian Williams อัยการสหรัฐประจำเขตทางตอนใต้ของนิวยอร์กได้กล่าวว่า Alameda Research ได้ใช้ “เงินสกปรก” ที่ขโมยมาจากผู้ใช้งานเพื่อบริจาคให้กับพรรคการเมืองหลายล้านดอลลาร์เพื่อ “ซื้ออิทธิพลของพรรคสองฝ่าย”
เอกสารที่ยื่นต่อศาลระบุว่าบริษัท FTX ได้ระบุว่าบริษัท FTX ได้ใช้เงินกว่า 22 ล้านดอลลาร์ในช่วง 9 เดือนก่อนที่บริษัทจะล้มละลาย
สำนักข่าว Reuters ได้รายงานเมื่อวันที่ 7 มกราคมว่า นาย Andrew Vara ได้ยื่นค้ดค้านแผนการขายแพลตฟอร์ม LedgerX และบริษัท FTX ที่อยู่ในยุโรปและญี่ปุ่นของ FTX และเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างเต็มรูปแบบก่อนที่จะขายบริษัท เนื่องจากบริษัทอาจจะมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการล้มละลายของบริษัท FTX
Source: Cryptoslate