<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สุดสลด ! เด็ก ม. 3 ขโมยเงินพ่อแม่ลงทุนแชร์ลูกโซ่ สูญเงินนับหมื่น สุดท้ายผูกคอดับ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

แม้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์นี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับตลาดคริปโต แต่ทว่าเหตุการณ์ในข่าวนี้ ก็เป็นอีกตัวอย่างของเรื่องราวอันน่าเศร้า ซึ่งทางสยามบล็อกเชนมุ่งหมายที่จะเตือนสติให้นักลงทุนทุกคนพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนที่จะเริ่มทำการลงทุน ไม่ว่าการลงทุนนั้น ๆ จะเป็นการลงทุนรูปแบบใดหรือตลาดใดก็ตาม

เมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุชายผูกคอเสียชีวิตในป่า ซอยติวานนท์-ปากเกร็ด 34 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทางตำรวจจึงลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมด้วยทีมแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครจากมูนิธิมูลนิธิร่วมกตัญญู

เมื่อทางตำรวจตรวจสอบไปจนถึงบริเวณป่าข้างทาง ก็ได้พบเข้ากับร่างของผู้เสียชีวิตที่ใช้เชือกไนล่อนผูกคอตนเองกับกิ่งไม้ โดยเจ้าของร่างนั้นเป็นเพียงเด็กชายวัย 15 ปี ชื่อนายอาทิตย์ พวงมาลี นักเรียนชั้น ม.3 จากโรงเรียนปากเกร็ด ทั้งนี้ที่บริเวณใต้ต้นไม้พบเก้าอี้สีเขียว โทรศัพท์มือถือ และจดหมายลาที่เขียนข้อความไว้ว่า

“ขอโทษแม่ที่แอบขโมยเงินไปแบบนี้ ถ้าอยากรู้เรื่องต่อให้เปิดดูในโน๊ต และไปดูในไลน์ เพราะมันเป็นความโลภของผมเอง”

ไม่เพียงเท่านี้ ในโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิตยังพบข้อความในโน๊ตที่ระบุเพิ่มเติมว่า

“ขอโทษแม่กับพ่อด้วยที่ทำแบบนี้ผมโลภเอง อยู่ไปก็คงไม่ได้มีอะไรดีขึ้นหรอก แต่ถ้าผมตายแล้วให้เข้าไปดูในไลน์ แล้วจับให้ได้ดันข่าวให้ถึงที่สุดเพราะว่าคนแบบนี้มีเยอะเกินไปขอให้เคสผมเป็นเคสที่มีไว้บอกเด็กเป็นอุทาหรณ์นะครับว่าอย่าไปเชื่อคนพวกนี้มาก ละก็ถ้าได้เงินจากพวกมันแล้วก็ขอให้ก็เรียกเก็บเยอะๆนะแล้วเอาไปซื้อบ้านใหม่”

​​

จากการสืบสวน พบว่าสาเหตุที่นักเรียนมัธยมต้นคนนี้ตัดสินใจจบชีวิตลง เนื่องจากเขาถูกกลุ่มมิจฉาชีพที่เป็นเพจ facebook ชื่อดังหลอกให้นำเงินไปลงทุนแชร์ลูกโซ่ โดยเพจดังกล่าวอ้างว่าเป็น “การจ่ายเงินเพื่อสมัครเข้าทำงานดูคลิป YouTube เริ่มแรกได้เงินหลักร้อย แต่ถ้าลงทุนเพิ่มก็จะได้เงินเพิ่มขึ้น”

หลังจากที่ผู้เสียชีวิตหลงเชื่อ ก็แอบนำเงินจากบัญชีของแม่โอนเข้าบัญชีตัวเอง ก่อนที่จะโอนต่อให้กับเพจ facebook ชื่อดังของมิจฉาชีพ โดยโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้ง รวมแล้วสูญเงินไปมากถึง 15,000 บาท ทั้งนี้ยอดเงินครั้งสุดท้ายที่โอนไปนั้นเป็นจำนวนเงิน 11,973.71 บาท

สุดท้ายแล้ว เหยื่อที่ถูกหลอกก็ตัดสินใจจบชีวิตตนเองลง หลังจากรู้ว่านำเงินของครอบครัวไปลงทุนกับมิจฉาชีพ

เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นอุทาหรณ์ที่ย้ำเตือนถึงความไม่รอบคอบได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าเหยื่อในข่าวนี้จะเป็นเพียงเด็กนักเรียนที่ยังไม่มีประสบการณ์ด้านการลงทุนมากนักก็ตาม แต่ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือนักลงทุนมืออาชีพ ก็ควรที่จะพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ

ทั้งนี้นักลงทุนอาจคิดทบทวนให้รอบคอบก่อนว่า ข้อเสนอด้านผลตอบแทนจากการลงทุนนั้น ๆ มีความเป็นไปได้หรือไม่ ผู้ชักชวนให้ลงทุนมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน มีความเสี่ยงด้านใดบ้าง เป็นต้น เพื่อที่เราทุกคนจะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อให้กับมิจฉาชีพ

ที่มา: thairath, mgronline, sanook