<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

4 สาเหตุที่ราคา Bitcoin พุ่งทะลุ 20,000 ดอลลาร์ในเช้าวันนี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หลังจากที่มูลค่าตลาด Crypto โดยรวมทะลุระดับ 9 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 12 มกราคม ไม่นานหลังจากนั้นมูลค่าตลาดก็ได้ก้าวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่าสองเดือนในวันที่ 13 มกราคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ความเชื่อมั่นของนักลงทุนส่วนใหญ่ในขณะนี้ น่าจะเต็มไปด้วยความคาดหวัง พร้อมกับความหวาดระแวงว่าราคาจะกลับเป็นขาลงอีกครั้งหรือไม่ โดยหลังจากการกอบกู้มูลค่าตลาด 1 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ก็ตามมาด้วยการปรับฐาน 27.6% ในเวลาเพียงสามวันหลังจากนั้น และทำให้ความคาดหวังสำหรับโมเมนตัมขาขึ้นของเหล่านักเทรดต้องพังทลายลง

ทว่าการที่ราคา Bitcoin เริ่มกลับมาเป็นขาขึ้นในรอบนี้ มีปัจจัยต่าง ๆ ที่ช่วยผลักดันแนวโน้มของตลาดให้เป็นขาขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่อาจทำให้ตลาดในปัจจุบันแตกต่างกับสถานการณ์ในข้างต้น มาดูกันว่าสาเหตุหลัก ๆ ที่ช่วยสนับสนุนให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นมีอะไรบ้าง

ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่อง

นักลงทุนบางรายคาดว่าสาเหตุของการพุ่งขึ้นดังกล่าวมาจากข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 12 มกราคม ซึ่งยืนยันว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่สภาวะเศรษฐกิจระดับมหภาคกำลังฟื้นตัวขึ้นจากการประกาศข้อมูล CPI ดังนั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมหภาคจึงมาช่วยสนับสนุนสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง Crypto จนทำให้ราคาเหรียญต่าง ๆ พุ่งขึ้นไม่ต่างจาก Bitcoin จนเรียกได้ว่าในขณะนี้มีเพียงเหรียญ UNUS SED (LEO) เท่านั้นที่ยังคงปิดตลาดด้วยสีแดง

Lido DAO (LDO) ราคาพุ่งขึ้นมากถึง 108% เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังการอัปเกรด Ethereum Shanghai ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะช่วยให้สามารถถอน Ether ที่ stake ไว้ได้

Aptos (APT) ราคาพุ่งขึ้นกว่า 98% หลังจากแอปพลิเคชันแบบ decentralized บางตัวเริ่มมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น รวมถึง Liquidswap DEX, Ditto Finance stake and yield และ NFT marketplace อย่าง Topaz Market

Optimism (OP) ราคาพุ่งขึ้นกว่า 70% หลังจากที่เครือข่าย Layer-2 ได้รับกิจกรรม และเมื่อรวมกับ Arbiturm ของคู่แข่ง ก็ทำให้เชน Optimism แซงหน้าธุรกรรมเชนหลักของ Ethereum เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Leverage demand มีความสมดุลระหว่างตลาดกระทิงและตลาดหมี

Perpetual contracts หรือที่เรียกว่า inverse swaps มีอัตรา embedded rate ซึ่งโดยปกติจะเรียกเก็บเงินทุก 8 ชั่วโมง ซึ่งเว็บเทรดจะใช้ค่าธรรมเนียมนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สมดุลของความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

อัตราการระดมทุนที่เป็นบวกบ่งชี้ว่า long (ผู้ซื้อ) ต้องการ Leverage มากขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตรงกันข้ามเกิดขึ้นเมื่อ short (ผู้ขาย) ต้องการ Leverage เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน จนทำให้อัตราการระดมทุนกลายเป็นติดลบ

สำหรับ Bitcoin และ Altcoins มีอัตราการระดมทุนในช่วง 7 วันใกล้เคียงกับศูนย์ ซึ่งหมายความว่าข้อมูลชี้ไปที่ความต้องการที่สมดุลระหว่าง Leverage long (ผู้ซื้อ) และ short (ผู้ขาย)

นักเทรดมี demand สำหรับ neutral-to-bullish options เพิ่มสูงขึ้น

นักเทรดสามารถวัดความเชื่อมั่นโดยรวมของตลาดได้ โดยการวัดว่ามีกิจกรรมเพิ่มเติมผ่าน call options (ซื้อ) หรือ put options (ขาย) โดยทั่วไป call options จะใช้สำหรับกลยุทธ์ขาขึ้น ในขณะที่ put options จะใช้สำหรับกลยุทธ์ขาลง

อัตราส่วนการ put-to-call ratio 0.70 บ่งชี้ว่า put options แบบ open interest มีความล่าช้ากว่า bullish calls มากถึง 30% ในตลาดกระทิง และในทางตรงกันข้าม การที่ indicator ชี้ไปยังอัตราส่วน 1.40 ก็ถือว่าเป็นการสนับสนุน put options ที่ 40% ซึ่งถือได้ว่าเป็นตลาดขาลง

ระหว่างวันที่ 4 – 6 มกราคม protective put options ได้ครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของ BTC options volume put-to-call ratio เนื่องจาก indicator ทะยานขึ้นเหนือ 1 และในที่สุดการเคลื่อนไหวดังกล่าวก็หายไป แล้วสถานการณ์ตรงกันข้ามเกิดขึ้น เมื่อ demand ของ neutral-to-bullish call options ที่ชี้ว่าเป็นขาขึ้นนั้นเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม

การขาด Leverage shorts และ demand สำหรับ protective puts ชี้ไปที่แนวโน้มขาขึ้น

เมื่อพิจารณาถึงการมี่ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นกว่า 15.7% มาตั้งแต่ต้นปี 2022 derivatives metrics สะท้อนถึงสัญญาณของ demand ที่เป็นศูนย์จาก leverage shorts หรือ protective put options

เมื่อพิจารณากระแสข่าวด้านลบของตลาด ความหวังเกี่ยวกับการมาเยือนของตลาดกระทิงยังคงมีอยู่ เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจระดับมหภาคที่เอื้ออำนวย จึงอาจสามาระมั่นใจได้ว่าตลาดกระทิงได้มาถึงแล้ว โดยมูลค่าตลาดรวม 9 แสนล้านดอลลาร์เผชิญกับแนวต้านเพียงเล็กน้อย แต่ขณะเดียวกัน derivatives metrics ก็แสดงให้เห็นว่าตลาดหมียังคงรอการกลับมาอีกครั้งอย่างอดทนเช่นกัน

ที่มา: cointelegraph