<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

CEO ของ SkyBridge Capital กล่าวว่า “นรกขุมที่ลึกที่สุดคือนรกที่คู่ควรกับ Sam Bankman-Fried”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph ในงานประชุม World Economic Forum 2023 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นาย Anthony Scaramucci ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO ของ SkyBridge Capital ได้กล่าววิจารณ์ Sam Bankman-Fried อดีตผู้ก่อตั้งเว็บเทรด FTX อย่างรุนแรง พร้อมเปิดเผยการถือครอง Crypto ในพอร์ตของเขา

Anthony Scaramucci กล่าวว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยเชื่อใจ Sam Bankman-Fried อดีต CEO บริษัท FTX ซึ่งล่มสลายไปเมื่อปี 2022 และกล่าวอย่างโมโหว่า นรกขุมที่ลึกที่สุดคือนรกที่คู่ควรกับ Sam Bankman-Fried 

“ผมคิดจริง ๆ ว่าเขาเป็นเหมือน Mark Zuckerberg แห่งวงการ Crypto แต่ผมนึกไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วเขาก็เป็น Bernie Madoff นั่นคือสิ่งที่ผมต้องยอมรับ และผมก็ยอมรับมัน”

เขายังกล่าวด้วยว่า เขายินดีที่จะพูดถึงความผิดพลาดของเขาในการเชื่อใจ Sam Bankman-Fried “ผมอยากจะพูดถึงมัน เพราะหากมันสามารถช่วยใครบางคนจากการประสบหายนะนั้นได้ พวกเขาแค่ต้องเรียนรู้ความผิดพลาดจากเรา เท่านั้นก็คุ้มค่าสำหรับผมแล้ว” เขาอธิบาย

Anthony Scaramucci กำลังอยู่ในช่วงการนำหุ้นของบริษัทที่ FTX ได้ทำสูญหายไปกลับคืนมา โดยมั่นใจว่า เขาจะได้รับมันคืนมาในปี 2023 นี้

นอกจากนี้ เขายังได้เปิดเผยการถือ Crypto ในพอร์ตของเขากับ Gareth Jenkinson นักข่าวจาก Cointelegraph อีกด้วย

“ผมเริ่มลงทุนใน Bitcoin เมื่อปี 2020 และเริ่มซื้อ Ethereum ในช่วงต้นปี 2021 พวกเรามี Solana จำนวนหนึ่ง มี Algorand ที่เป็น layer-1 ขนาดเล็กกว่า แต่มีเทคโนโลยีที่ดี”

การลงทุนใน Crypto ของ SkyBridge Capital อาจสร้างความประหลาดใจ จากการที่ครั้งหนึ่ง Anthony Scaramucci ได้เคยทวีตเมื่อปี 2013 ว่า เขา “ไม่สนใจ” ใน Bitcoin ซึ่งนับจากเมื่อปีนั้น ราคา Bitcoin ก็ได้พุ่งขึ้นถึง 1,000%

เขายังได้พูดถึงความผิดพลาดของเขาในระหว่างที่ท่องอยู่ในโลก Crypto ซึ่งเขาได้ใช้เวลานานหลายปีและทำการติดต่อกับเหล่าผู้นำในวงการ Crypto หลายคน รวมไปถึงคู่แฝด Winklevoss ก่อนที่เขาจะตัดสินใจกระโดดเข้ามาลงทุนในวงการนี้ เขาได้กล่าวว่า “ความสงสัยล้วนเกิดจากการขาดความรู้”

“ยิ่งคุณหาความรู้เกี่ยวกับบล็อกเชนมากเท่าไหร่ คุณยิ่งเข้าใจว่าบล็อกเชนจะเข้ามามีส่วนสำคัญในอนาคตได้มากขึ้นเท่านั้น”

ยิ่งผู้คนเริ่มเข้าใจความสำคัญของการทำธุรกรรมโดยไม่ผ่านมือที่สาม Bitcoin และเทคโนโลยีบล็อกเชนยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเท่านั้น

“หากคุณเข้าใจความสำคัญของมัน มันจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยทำให้ประสิทธิภาพของเศรษฐกิจและนวัตกรรมต่าง ๆ ดีขึ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงเข้ามาในวงการนี้”

สำหรับ Anthony Scaramucci เขามองว่า Bitcoin เทคโนโลยี บล็อกเชน และตลาด Crypto ยังคงพัฒนาได้อีกมาก


ที่มา: Cointelegraph